Monday, August 29, 2011

บัณฑิตโชว์ 2011 ปีนี้ชนะรวด ที่ 1 ในสาย...

บัณฑิตโชว์ของจริง ปีนี้ไม่ธรรมดา...



ทักทาย



นานๆ จะกลับมาอัพเดทบล็อกอีกซักครั้ง หลังจากห่างหายไปนานสำหรับทีมบัณฑิตโชว์ ทีมฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของ PH Soccer League (ที่ยังเล่นกันอยู่) โดยหากจะนับอายุแล้วสำหรับผม (โจ้ PH 14) เทียบกับน้องปี 1 ของปีนี้ (2554) หรือรุ่น 32 ก็อายุห่างกันตั้ง 18 ปีเลยทีเดียว ยังไม่่ถึงขั้นจะเป็นพ่อลูกกันได้ แต่อาจเป็นน้า หรืออากันได้เลย...อืม แก่แล้วนี่เรา

สาเหตุที่หายไปนานไม่ใช่อะไรเลย เนื่องจากผลงานปีที่ผ่านมาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เนื่องจากทีมของเราสะกดคำว่า "ชนะ" ไม่ค่อยออก ทำให้ไม่ค่อยมีกำลังใจอยากจะจดบันทึกเท่าไรนัก...ประกอบกับมีเหตุการณ์หลายๆอย่างเปลี่ยนไป สถานะ เวลา และวัยที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมยังยึดมั่นทำอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือยังรักการเล่นฟุตบอลอยู่ ผมยังซ้อมอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยปกติผมในช่วงเย็นๆ ผมมักไปเ่ล่นที่สนามหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ขอนแก่น ด้วยรูปร่างหน้าตาและวัยที่ล่วงเลย ทำให้บ้างครั้งสะดุ้งทุกทีที่มีคนเรียก "ป๋า" (555...) ทุกวันนี้สนามฟุตบอลหายากเต็มที และไม่ใช่ว่าทุกสนามเราจะเข้าไปเล่นได้ เพราะในการเล่นฟุตบอลในสนามสาธารณะควรต้องมีทีม หรือคนรู้จักเพื่อให้ไม่เคอะเขิน และเกิดความอุ่นใจในการเล่น มีบางครั้งที่เล่นโดยไม่รู้จักใครและแทบไม่มีใครส่งบอลให้ มันทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก...เท่าที่เล่นมาก็มีสนามแห่งนี้ที่พอจะรู้จักมักคุ้นกันบ้าง ถึงแม้ทุกคนจะมาจากคนละที่ก็ตาม

เตรียมงาน

ช่วงเตรียมสู้ศึกนั้น ผมและน้องๆที่อยู่ขอนแก่น (ต้น, เม้ง, อ้อย PH 17, หยก, งอน PH 16) ได้รวมตัวกันซ้อมที่สนามหญ้าเทียม โดยชักชวนน้องๆจากเทศบาลนครขอนแก่น ที่หยกทำงานอยู่มาแบ่งทีมกันเล่น เป็นการออกกำลังกายและซ้อมเตรียมสู้ศึกนี้โดยเฉพาะ โดยหารค่าเช่าสนามคนละ 100- โดยประมาณ สนามหญ้าเทียมในเมืองขอนแก่นทุกวันนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากแล้ว โดยจะเห็นได้จากธุรกิจนี้เริ่มมีการขยายตัวมากขึ้น นับตั้งแต่มีสนามรอบๆมหาวิทยาลัยขอนแก่น และกระจายเข้ามาในตัวเมืองรวมๆแล้วก็ 4-5 สนาม และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่รักการเล่นกีฬาฟุตบอลในเมืองขอนแก่นยังมีอยู่เยอะ แต่เนื่องจากติดปัญหาของสนามที่ซ้อมไม่เพียงพอนั่นเอง อย่างที่ผมเกริ่นไว้แต่แรก แม้แต่ผมเองยังเคยคิดจะลงทุนธุรกิจนี้เช่นกัน แต่พอคำนวณราคาค่าลงทุนที่อยู่ที่เลข 7 แล้ว ก็เลิกล้มความตั้งใจไป...(หันมาสนใจธุรกิจร้านอาหารอีสาน และฝึกทำส้มตำอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ขี้เกียจอีกเหมือนเดิม...)



นอกจากการซ้อมที่สนามหญ้าเทียมแล้ว พวกเรายังหาโอกาสร่วมแข่งงานกีฬาฟุตบอลอื่นๆ โดยล่าสุดช่วง กค.-สค. 2554 ก็สมัครเล่นกีฬาฟุตบอล 9 คนของ อบจ. เพื่อหารายได้สบทบทุนกีฬาแห่งชาติคนพิการที่จัดที่ จ.ขอนแก่น ปี 2555 โดยผลปรากฎว่าในรอบคััดเลือก แพ้ 2 นัด ชนะบาย 1 (ยังอุตส่่าห์นับว่าชนะอีกนะ)...

สมาชิก

เช้าวันแข่งขัน 27 ส.ค. 54 อากาศแจ่มใส เวลาประมาณ 9.00 น. ผมออกไปรวมตัวกับพี่ๆน้องๆที่คณะฯ เพื่อเตรียมของและอุปกรณ์บางส่วน พวกจาน, แก้วน้ำ, กระติกน้ำ, เขียง, มีด, ครก, สาก (สำหรับทำย่างพวงนมที่ผู้กองปีเตอร์บอกว่าจะขนมาจากร้อยเอ็ด) แล้วทยอยกันมาที่สนามโรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ สมาชิกในทีมบางส่วนเริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว โดยสำหรับปีนี้ประกอบด้วย
  • พี่ฐา PH 13 ที่มารับหน้าที่ผู้รักษาประตูรุ่นน้อง พี่ที่อยู่กับทีมมานานที่สุด เก๋าสุดแล้ว


  • PH 14 ปีนี้มา 3 คน ได้แก่ ผม (โจ้), ยัน และไข่


  • PH 17 ซึ่งเป็นสมาชิกทีมส่วนใหญ่ของ "บัณฑิตโชว์" ไม่ว่าจะเป็น ผู้กองปีเตอร์, ต้น, เม้ง, อ้อย, แอนดริว, วัช, เจี๊ยบ, โจ้, ริกกี้









พวกเราคุยกันว่า ดูเหมือนปีนี้ทีมบัณฑิตโชว์จะมีสมาชิกร่อยหรอลง ไม่เหมือนกับทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้วที่มารวมตัวกันมากมายเป็นประวัติกาล และดูเหมือนจะเป็นทีมที่ฮาที่สุด เนื่องจากมีทั้งบาร์เบียร์, ย่างเนื้อ และสุรา จนน้องๆสโมสรติงกันมามากมาย สำหรับปีนี้พวกเราจึงพยายามซ่อนความเมาไว้เบื้องลึก เผยออกมาแต่ความน่ารักแต่พองาม

ริกกี้เอารองเท้า PAN Destroy 4 ที่ผมใส่ตั้งแต่ปี 2010 มาคืนผม ไม่น่าเชื่อ ผมพูดกับเขาว่า "อ่ะ ยังอยู่อีกเหรอคู่นี้ สภาพยังดีอยู่เลย ขอบใจมากนะริกกี้..." จำได้ว่าปีกลายริกกี้คนนี้ใส่สตั๊ดคู่นี้ตั้งแต่แข่งในสนามตอนกลางวัน แล้วเขาไม่ยอมถอดเลยจนถึงภาคกลางคืนที่ไปฉลองกันที่ร้าน "ป่ากลางเมือง" ถิ่นสถานของรุ่นพี่คนหนึ่งของพี่กานต์ แล้วเรื่อยไปจนถึงผับ "Top West" จนกระทั่งตอนเช้าที่เขากลับระยอง...คิดว่าวันนั้นและคืนหลอนวันนั้นเขาคงจะไม่ได้อาบน้ำด้วยกระมัง ปีนี้ผมเห็นเขาใส่รองเท้าผ้าใบมา ก็เลยถามว่า "แล้วไม่ใส่เหรอ ?" เขาบอก "ไม่เป็นไรครับ"

จนเหลือบไปเห็นโจ้ PH 17 ผมจึงให้โจ้ยืมใส่ และเขาก็ใส่ได้พอดีซะด้วยสิ โจ้เล่นได้หลายตำแหน่ง ผมว่าเขาควรจะใ่ส่มัน

นัดแรก บํณฑิตโชว์ชนะ วทบ.3 2-1

นัดแรกที่เตะกันตั้งแต่ 10 โมงเช้านั้นมีแข่งกันทั้งหมด 4 สนาม พวกเราบัณฑิตโชว์วอร์มร่างกายเล็กน้อย แสงแดดอ่อนๆ ลมโชยเบาๆ เหมาะแก่การเริ่มเล่นในเช้านี้นัก ผมรับหน้าที่จัดทีมได้เลือกน้องๆที่คิดว่าฟิตที่สุดลงสนาม โดยกองหน้าประกอบด้วยปีเตอร์จอมตะลุยโคลน ต้น เม้ง ส่วนกองหลังผมเองยืนเซนเตอร์คู่กับเจี๊ยบ มีโจ้อยู่ฝั่งซ้าย

"บัณฑิตโชว์...สู้ !" พวกเรารวมกันเพื่อเรียกกำลังใจ อันเป็นธรรมเนียมประจำของเรา




เริ่มเกมส์ได้ไม่นานรู้สึกว่าเกมส์ออกจะฝืดๆทั้งสองฝั่ง น้องๆปี 3 ก็ใช่ว่าจะเร็วเท่าใดนักเพียงแต่การต่อบอลดูจะดีกว่าเราที่วิ่งไปคนละทิศละทาง น้องๆมีโอกาสขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ผ่านมือของพี่ฐา PH 13 ที่ปีนี้ดูฟิตกว่าทุกๆปี พี่ฐาทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ

ผมจำไม่ได้ว่านาทีไหนที่เราโดนนำไปก่อน 1-0 แล้วหมดครึ่งแรกไปอย่างรวดเร็ว...อะไรกันนี่ ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาล้างเหงื่อชุ่มๆ เราซึมไปนิด ริกกี้เดินมาถามผมว่า..."โค้ชครับ แก้เกมส์ยังไงดี ?" ผมมองใบหน้าเหียวๆของเขาด้วยความคิดที่หมุนแล่น แล้ววางแผนในใจอย่างรวดเร็ว ผมให้เพื่อนไข่ลงมาเล่นคู่กับปีเตอร์ แล้วบอกทุกคนให้มีสมาธิในการเล่น และบอกให้ตัดเกมส์ตั้งแต่แดนกลางแล้วต่อบอลสู่กองหน้าให้ได้ พร้อมๆกับช่วยกันไล่ให้สุดอย่าให้น้องปี 3 บุกขึ้นมาป้วนเปี้ยนหน้าประตู

เริ่มเกมส์ครึ่งหลัง พวกเราแทบพับสนามบุก และทำได้ตามแผนซะด้วย โดยลูกแรกเราเอาคืนตีเสมอ 1-1 ได้จากผมเองแหละ (หุๆ...ธรรมดาที่หนายยยยย) หลังจากลำเลียงบอลไปฝั่งขวาโดยการประสานงานกันระหว่างผม, ปีเตอร์, เพื่อนไข่ บอลมาเข้าเท้าผมพอดี ผมยิงโดยไม่ได้บรรจงอะไรมาก บอลลอดขาผู้รักษาประตูทะลุเข้าไปอย่างสวย พวกเราดีใจกันใหญ่ที่สามารถตีตื้นขึ้นมาได้

หลังจากนั้นน้องปี 3 พยายามทำเกมส์ขึ้นมาแต่เกมส์บุกทำอะไรบัณฑิตโชว์ไม่ได้มากนัก จนกระทั่งจังหวะที่เราขึ้นนำ 2-1 โดยเพื่อนไข่ (จำเหตุการณ์ไม่ได้ว่ายิงเข้าแบบไหน) เพื่อนไข่ที่วันนี้เล่นได้ดี โดยการดึงเกมส์และครองบอลเรียกกองหลังไปได้หลายคน เกมส์ยังคงดำเนินต่อไปจนกรรมการเป่าหมดเวลาครึ่งหลัง พวกเราชนะแล้วหลังจากรอมานานเป็นปี...555 ทุกอย่างเริ่มผ่อนคลาย ได้ยินเสียงเชียร์จากน้องๆข้างสนามเป็นที่ครึกครื้น "บัณฑิตโชว์สู้ๆ", "บัณฑิตโชว์เค้าเชียตัวนะ", "หน้าตาดีๆๆๆ" โดยเฉพาะประโยคหลังๆ เล่นเอาพี่ๆขวยเขิล ถูกใจเป็นพิเศษ หุๆ โดยเฉพาะเม้ง PH 17 ที่เวลานี้ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ...อิๆ

พวกเรากลับเข้าที่พักที่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นกองกระเป๋าผ้าเยอะแยะไปหมด พักดื่มน้ำและสปอนเซอร์พอแก้กระหาย ได้ยินเสียงปีเตอร์ร้องทักทายน้องๆกองเชียร์กันสนุก "น้องๆ เชียร์อีก 2 นัดแบบนี้เดี๋ยวพี่ให้ 1,000 นึง" คำสัญญาของปีเตอร์ทำให้น้องๆกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แต่พี่ๆบางคนเริ่มมองหน้ากัน พลางกระซิบกันทำนองว่า ปีเตอร์จะเอาเงินนั่นมาจากไหนนะ เอ...รึว่าจะมาเรี่ยไรจากพวกเราหว่า...

คิดในใจยังไม่ทันจบ ปีเตอร์ที่ตอนนี้ดูจะเป็นสัญลักษณ์ของทีมไปอีกแล้ว เขาจัดแจงพวงนมที่เตรียมไว้มาวางท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ฟ้าเริ่มมืดดำ แต่หาได้ทำลายความตั้งใจของพวกเราไม่ เหล้า Red ฉบับลาวขวดละ 2 ลิตรถูกงัดออกมา พร้อมๆกับแผงโซดาที่วางเกลื่อน และยังเหลือ Red ขวดละ 1 ลิตรบรรจุในกล่องอีกนั่น...ความจริงแล้วคงไม่ไ้ด้กะจะกินให้หมดนี่หรอกนะ แต่แค่เอามาโชว์เฉยๆ

ผมทำตัวดูดีนิสนึง โดยการตักเตือนน้องๆให้หาถุงหรืออะไรซักอย่างห่อขวดเหล้าไว้ ป้องกันสายตาคนผ่านมาผ่านไป (โดยเฉพาะ รปภ.) เป็นระเบียบของมหาลัยที่ห้ามไม่ให้มีการซื้อ, ขาย, ดื่มกินสุราในบริเวณมหาลัย (แต่บางครั้งอะไรบางอย่างก็ห้ามไม่ได้ ...พวกเราจึงเตรียมการณ์มาอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นแก้วพลาสติก...ส่วนปีเตอร์นั่นเขาใช้ขวดน้ำดื่มสีแดงประจำตัวเขา) อ้อ...ถึงอย่างไรช่วงนี้ผมก็ละเว้นจากแอลกอฮอล์นะ ไม่ใช่เพราะเข้าพรรษา แต่รู้สึกที่ผ่านมาผมดื่มและเที่ยวไม่ยั้ง เลยอยากลองพักมองโลกอีกด้านเท่านั้น

ปีเตอร์ถามผมถึงบีขมๆที่เคยให้มา ทำเอาผมรู้สึกแย่กับตัวเองที่ลืมเอามาเมื่อเช้า เลยถือโอกาสเป็นคนไปซื้อเครื่องปรุง เครื่องหมักนม จำพวกกระเทียม, พริก, ข้าวคั่ว, ผักหอม, ผักชี รวมทั้งเหล็กย่างและเตา ขับรถไปกับอ้อยได้ซักพักก็กลับมาพร้อมของครบมือ...เวลานั้นน่าจะประมาณเที่ยงได้แล้ว ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาจนมองแทบไม่เห็นทาง พวกเราหลายคนซุ่มอยู่ในที่พัก (ทางเดินที่มีหลังคามุง) เพื่อหลบฝน มองไปรอบๆปรากฎว่าไม่มีน้องๆอยู่แล้ว เพราะเป็นเวลาเที่ยงที่ทุกคนพักและไปหาอะไรกินกัน

ปีเตอร์และโจ้ ช่วยกันหมักนม ก่อไฟ และเริ่มย่างพวงนมส่งกลิ่นหอมยั่วยวน น้องๆบางคนที่เดินผ่านมาผ่านไปทำหน้าตาประหลาดและรู้สึกขำพวกเรา "อุ๊ย...มีเตาด้วย, มีเขียงด้วย, มีครกด้วย..." อืม...คงเป็นอะไรที่ประหลาดมากสินะ หุๆ ส่วนน้องๆแอบๆบางคนเดินมามาเห็นเข้าก็เริ่มจะแซวพี่ "พี่จ๋า มีใครช่วยย่างยังจ๊ะ" แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจเท่าไรนัก ผมรับหน้าที่ย่างพวงนมชุดแรก ซึ่งมีรอยไหม้นิดหน่อย แต่เคี้ยวดีกรุบกรอบหอมฉุยจนน้องๆบางคนหันมอง...



กินข้าว (ย่างนม)
โทรหาฟาร์
กินน้ำ
ซื้อเตา, ถ่าน, เครื่องปรุง
ฝนตกอย่างหนัก
สนามเละเทะ

นัดสอง บัณฑิตโชว์-ปีศาจสาสุข เสมอ 1-1 บัณฑิตโชว์ชนะจุดโทษ 3-2 พี่ฐาเซฟสุดยอด !

นัดสาม บัณฑิตโชว์-PH Old Star เสมอ 2-2 บัณฑิตโชว์ชนะจุดโทษ 3-2 พี่ฐาเซฟสุดยอด ! อีกแล้ว...

นัดสี่ (8 ทีม) บัณฑิตโชว์แพ้น้องปี 1 : 2-0

ภาคกลางคืน

Orange
ชา
ตี 2

ทิ้งท้าย






www.tips-fb.com

Sunday, April 17, 2011

สงกรานต์ วันสาดน้ำ เดินทางและอยู่บ้าน

13 เมย.

ขอนแก่น - ร้อยเอ็ด แวะบ้านจ่าสมหมาย ตั้งใจไปช่วยงานศพคุณพ่อมานพ โพธิ์สูงผู้ล่วงลับในวัย 71 ด้วยโรคมะเร็งปอด (ใครสูบบุหรี่เพลาๆลงบ้างนะ) ไปถึงตอนเย็น จ่าสมหมายต้อนรับด้วย Regency และย่างเนื้อ ใต้ร่มมะม่วง บรรยากาศดีๆ ถึงแปลกที่แต่อบอุ่น นอนตอน 5 ทุ่มด้วยอาการเคลิ้มๆ ผู้กองปีเตอร์มา

ปลุกตอนเกือบ 6 ทุ่ม แต่ดื่มต่อไม่ไหวซะแล้ว เลยแยกย้ายกัน ผู้กองไปทำภาระกิจ, ผม...หลับ เตรียมตัวลุยงานต่อรุ่งขึ้น


14 เม.ย.

ถอนก่อนเถอะ ทำลาย Regency ที่เหลือ 1 กั๊ก (สงสัยว่าถ้าไม่มีคนซื้อให้กิน จะมีปัญหาซื้อเองไหม...)...ช่วยงานศพ ยกของ จัดอาหาร ยกๆๆๆ นู่น นี่ ทำตัวเป็น labor โกนหัวจ่าสมหมาย นั่งฟังพระสวด นั่งดูแขกเหรื่อเขามาร่วมงาน ผู้หลักผู้ใหญ่ อดีต สส., ครู, ข้าราชการ, ตำรวจ, ชาวบ้าน สัปเหร่อ และเราในความเงียบและวังเวงในหัว พลางนึกถึงอดีตที่เคยรู้จักและพูดคุยกับคุณพ่อมานพ (ผู้จากไป)

เลิกงานยังถอนอีก 4-5 แก้ว ก่อนเดินทางต่อ

18.30 น. ร้อยเอ็ด - สารคาม - บรบือ (ขอระขือ) - บ้านไผ่ - หนองบัวลาย 22.00 น. นอน


15 เม.ย.

ฟักลาบ - ซกเล็ก (ผมพึ่งรู้ว่าผมทำอร่อย คุณยายสั่งเพิ่มหลายจาน...) - เหล้าขาวที่พ่อซื้อให้ ค่อนขวดแล้วสติปัญญาชักมีปัญหา รู้สึกโลกหยุดนิ่ง เลยเก็บไว้ถอนหลังไปวัด - ฟักๆๆๆ (ลาบ) จากมีดเดียว เป็น 2 พร้า เร็วกว่าเดิมอีก...เบียร์มา พอแล้ว เดี๋ยวเมาเลือดกำเดาอาจไหลตอนไปวัด ฟังพระสวดอีก หลวงตาปล่อยให้เณรน้อยสวดยถาเพียงรูปเดียว...เีสียงเจื้อยแจ้ว...เก่งนี่ ผมยังจำไม่ได้เลย แล้วผมจำบทสวดอะไรได้บ้างไหม ? ช่างเหอะ

รดน้ำ ดำหัว ในความหมาย ผู้เฒ่า 20-30 คน นั่งเก้าอี้เรียงกัน ผู้น้อยถือขันน้ำพรมน้ำหอม ยอดไม้, ดอกไม้จุ่มรดมือ และอวยพร ผม.?..ไม่มีขันหรอก ผมอาศัยขันของคนอื่น...รดน้ำ, ทำความสะอาดธาตุของคุณทวด และคุณตาในวัดนั่นแหละ

กลับมาที่บ้าน ญาติๆ มาเยอะจัง พร้อมกับเมนูอาหารที่เราเตรียมไว้เมื่อเช้า แม่บ้านสานต่อด้วยกับข้าวหลากหลาย ขนมจีนน้ำยา (ผมไม่กินแน่), ก้อย, ลาบ เลืิอดแดงๆ , ผัดเนื้อใส่บักน้ำ (คนแก่หลายคนบอกขะลำ), ขมๆ เหล้า, เบียร์ไม่รู้มาจากไหน แต่ดูเหมือนซดได้แค่ 2-3 แก้ว หรือเพราะเหล้าขาวที่ค้างในเส้นเลือด จิบพอทำเนา และหลับไปตอนบ่าย 3 เพียงเพราะรำคาญเสียงคนเมา

ตื่นมาเพราะพายุอลหม่าน ฝนลูกเห็บตอนเย็นๆ รีบเก็บขวดเบียร์ที่เหลือ เสื่อ สาด เสื้อผา ลมแรง กระหน่ำ เสียงหลังคา ลูกเห็บกระเด็น ละออง ใบไม้ ดิน ทำความสะอาด ถูพื้นที่เปียก ไฟดับ น้ำไม่ไหล แต่จะแคร์ทำไม (เราไม่เคยอาบน้ำอยู่แล้วนี่) ย่างเนื้อต่อ ถอนเบียร์ที่ใครซักคนทิ้งไว้ให้ 3 ขวด นั่งคุยกับอา ผมกินย่างเนื้อบ่อยนะ...ในท้องใส้คงมีแต่เนื้อ พักนี้อาคงจะเมาๆ ทุกคนนอนหมดแล้ว ผมนั่งมองฟ้ามืดๆ คนเดียวและละเลียดเบียร์ต่อจนหมด ยังอุตส่าห์เก็บไว้ถอนสำหรับรุ่งขึ้น


16 เม.ย.

เช้า ไปดูไ้ม้ขนุนที่เลื่อยไว้ เตรียมเอามาทำพิณ ได้มา 3 แผ่น...ล้างถ้วยชามสร้างภาพหน่อย ย่างเนื้อต่อ ทำส้มตำ (รสชาตไม่ได้เรื่อง แม่บอกผมอย่างนั้น...! "ไม่นัวร์" ) ผมโบ้ยให้ไปเปลี่ยนปลาร้านครสวรรค์หรือจะสู้ปลาร้าปลากระดี่บ้านเรา ชั่วโมงนี้ฟาดเบียร์ขวดสุดท้ายที่นอนรอในกล่องโฟมน้ำแข็งที่ละลายหมดแล้ว รสเผ็ดๆ ทำเอาตื่นจากง่วงตอนเช้า หมดเรื่องทำแล้ว นอนพัก เดินทางกลับ เจออุบัติเหตุอย่างน้อย 4-5 รายริมถนนมิตรภาพ...

ถึงขอนแก่นแล้ว ดูไทยพรีเมียร์ TOT ชนะ อาร์มี่ 1-0