Sunday, August 31, 2008

PH Soccer Leauge 2008

เมื่อสังขารเริ่มโรยรา ของเหล่าบรรดาบัณฑิตโชว์


จบลงไปแล้วสำหรับปีนี้ กับ PH Soccer League 2008 ของเหล่าบัณฑิตโชว์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่เก๋าที่สุดเนื่องจากประกอบด้วยผู้เล่นที่เป็นที่สุดของทุกทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นพี่กาญต์ PH 12 ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มมีฟุตบอลประเพณีมาตั้งแต่ปี 2539 (ถ้าจำไม่ผิด) ด้วยวัยถึง 36 ปี ผู้ซึ่งเป็นทั้งกุนซือ ผู้เล่น และผู้สนับสนุนในคนๆเดียวกัน โจ้ PH 14 (ผมเองแหละ...คนเขียนบันทึก) กองหลัง และประสานงาน ปีเตอร์ 17 กลางฮาร์ดคอร์ และฝ่ายเสบียงบินตรงจากฝั่งลาว คนนี้พลังงานเยอะมาก ลงสนามครั้งใดเป็นต้องทำให้คู่ต่อสู้ขยาดและหยะแหยงทุกครั้ง (เอ๊ะ...ยังไง อิๆ...) ต้น, เม้ง 17 กลางและศูนย์หน้าจอมพริ้ว

รวมทั้งวัช, ริกกี้, เจี๊ยบ ซึ่งทุกคนสปิริตสูงส่งมากๆ ขอชมเชย ที่สู้อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาเข้าร่วมเกมส์ที่เหนื่อยแสนเหนื่อย นี่หากไม่ใช่ด้วยใจรัก+สปิริตแล้วคงเป็นไปไม่ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น สำหรับเจี๊ยบแล้วแฟนพึ่งตั้งท้อง ได้ยินว่าตอนแรกอาจจะมาไม่ได้ แต่แล้วเขาก็มาร่วมการแข่งขันได้เช่นเคย

สุริยัน 14 ฝ่ามรสุมชีวิตมาร่วมทีมได้ในปีนี้ในตำแหน่งวิงแบ็คซ้าย และสุดท้าย อ้อย ที่ต้องบอกว่าขอปรบมือให้ดังๆ กับตำแหน่งผู้รักษาประตู (จำเป็น) ครั้งแรกที่ถูกขอให้ทำหน้าที่นี้ ผมก็รู้ว่าเขาหนักใจไม่น้อย



ทีมบัณฑิตโชว์ปีนี้ดูจะเงียบเหงากว่าปีกลายเล็กน้อย เนื่องจากสมาชิกหลายคนต่างติดภาระกิจ ไม่ว่าจะเป็น ชัช, เปิ้ล, แกละ, โอโร่, และพี่ฐา เป็นให้เหตุปีนี้ไร้ซึ่งผู้รักษาประตูจอมหนึบอย่างโอโร่ พี่ฐา และแกละ สำหรับพี่ฐานั้นได้ยินข่าวว่ามีปัญหาสุขภาพ (อย่างแรง) ด้วยอาการติดเชื้อทางกระแสเลือด เป็นที่น่าเป็นห่วงมาก และขอส่งกำลังใจให้พี่ฐารักษาร่างกาย และหายไวๆ ปัญหาแรกเกิดขึ้นแล้ว คือบัณฑิตโชว์ต้องหาประตูสำรอง ซึ่งหาได้ยากกว่าตำแหน่งใดๆ ทั้งหมด สุดท้ายแล้วได้รับอาสาจากผู้หมวดปีเตอร์ และอ้อย สำหรับปีเตอร์นั้นจะรับศึกในนัดที่เจอกับ จบเสย อดีตแชมป์เก่าที่แข่งแกร่งและทางบอลดีที่สุด และนัดต่อๆ ไปคือนัดที่จะเจอกับ โทจัง และ วทบ.1 รับหน้าที่โดย อ้อย ประตูตัวเล็กของเรา สำหรับอ้อยนั้นตลอดเวลาเขาไม่เคยปริปากบ่น (ให้ได้ยิน) เลยตลอดเกมส์ อาจเป็นเพราะว่าเขาอาจแบกรับภาระที่หนักอึ้งอยู่ แต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน

วันนี้อากาศร้อนเปรี้ยงปร้าง อาทิตย์ส่องแสงไม่เหน็ดเหนื่อย แต่หาได้แผดเผาหัวใจนักสู้ของเราให้หม่นหมองไปเลย ทุกคนมาพร้อมกันที่สนามกีฬา ร.8 ซึ่งเป็นค่ายทหารอยู่ใกล้ๆ กับม.ข. นี่เอง สนามที่นี่จัดว่าดีกว่าที่สาธิต ม.ข. มาก หลังจากทักทายกันตามอัธยาศัยแล้ว พวกเราได้รับเสื้อ-กางเกง (รวมทั้งชุดผู้รักษาประตู+ถุงมือ) ซึ่งอีกเช่นเคยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากพี่ชายใจดีของเรา เฮียกานต์ PH 12 ถุงเท้าโดย โจ้ PH 14 ทุกคนรวมตัวกันที่เต๊นข้างสนาม เวลาประมาณ 9.30 น. ไม่นานนักหลังจากนั้นผู้หมวดฮาร์ดคอร์ ปีเตอร์ของเราก็บรรทุกเสบียงกรังมาเต็มคันรถ ประกอบด้วย Red Label ขวดละ 1 ลิตร, 2 ลิตร และ 4.5 ลิตร รวมๆ แล้วประมาณ 30 ลิตร เห็นผู้หมวดบอกว่าขนข้ามฝั่งมาจากลาวโดยสำรองจ่ายไปประมาณ 1.2 หมื่นบาท (นึกในใจว่า...ทำยังไงมันจะเหลือล่ะนี่ 555...!) มีช่วงนึงก่อนวันแข่งขันจะเริ่มเห็นบอกว่าจะเอามาฝากไว้กับผม แต่เปลี่ยนใจเสียก่อนด้วยกลัวว่าผมจะสังหารหมดก่อน คริกๆ คิดได้ก็ดีแล้ว (แต่ความจริงเพราะลูกชายผู้หมวดไม่สบายเลยไม่ได้แวะขอนแก่น)


วางแผนการเล่น

ใกล้เวลาแข่งแล้ว หลังจากที่ถึงเวลาที่เฮียกานต์วางแผนการเล่น พี่เขาอุตส่าห์ทำกระดานสนาม ติดชื่อผู้เล่นทุกคนใส่หมากไว้ นึกไม่ถึงว่าพี่กานต์ตั้งใจมากมาย นักแรกที่เจอกับจบเสยจะให้หมวดปีเตอร์เป็นประตู โจ้ 17 เป็นเซ็นตอร์, เจี๊ยบ แบ็คซ้ายเปลี่ยนกับยัน 14, โจ้ 14 แบ็คขวา, เม้ง ต้น ช่วยกันในแดนกลางและหน้า, ส่วนพี่กานต์อยู่กลางตัวรับ


บัณฑิตย์โชว์ VS จบเสย

น้องๆ จบเสย ดูเหมือนจะพกพาเอาแรงอาฆาตมาเต็มพิกัด เนื่องจากพ่ายแพ้ให้แก่ทีมบัณฑิตโชว์ไป 1-0 ในปีที่แล้ว หลายๆคนยังคาใจอยู่ ดังนั้นปีนี้เกมส์ของน้องๆจึงดูดุเดือดเลือดพล่าน และผลการแข่งขันสำหรับเกมส์นี้ก็ดูเหมือนจะเป็นที่พอใจของน้องจบเสย สังเกตได้จากหลังจากเกมส์จบแล้วไม่เห็นวี่แววของทีมจบเสยอีกเลย สงสัยจะเตรียมการแข่งขันในรอบต่อไปไว้แล้ว ส่วนบัณฑิตโชว์ของเราที่ตอนแรกให้ผู้หมวดปีเตอร์เป็นประตูก็มีอันต้องเปลี่ยนเป็นอ้อย เพราะรูปเกมส์เป็นรองมาก หมวดปีเตอร์ช่วยไล่เกมส์ได้ดีตามสไตล์ Hardcore ของเขา และดูๆ แล้วรูปเกมส์มันออกจะขัดกับความรู้สึกลึกๆ ในใจ และไม่อาจจะระบายออกมาได้เป็นตัวอักษร แดดที่ร้อนเปรี้ยงๆ ทำให้หลายๆคนอ่อนล้า สำหรับพี่กาญต์นั้นต้องเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากขยับขาซ้ายไม่ได้ว่างั้น ทุกคนได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วในสถานการณ์แบบนี้ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังการแข่งขันที่จบลงด้วยสกอร์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ หรืออาจเปิดเผยได้แต่คงต้องเข้ารหัส (Encrypt) ไว้กระมัง (ทำไมทำไมเนี่ย...แหม ! ก้อมัน...แหะๆ) เหอๆ เขียนประโยคนี้แล้วมองดูฟ้าเหงาๆ ยามบ่ายวันที่ 25 ส.ค. ด้วยใจที่ล่องลอย...

จบเกมส์แรก .... พวกเราหลายคนย้อมใจด้วย Red Label 1 ลิตร ที่ถูกงัดออกจากลัง และบรรจงชงโดยโจ้ 17 ซึ่งดูเหมือนเวลานี้เขาได้ค้นพบวิธีชงเหล้าที่แสนง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับการดื่มหลายๆ คนก็คราวนี้เอง โดยชงใส่เหยือก แล้วเทใส่ทีละแก้ว กริ๊ง กรึ๊บ...เอื๊อก ! อึกๆ ... ผ่านไป 2-3 แก้ว เมื่ออนูแอลกอฮอล์เริ่มสัมผัสกับขั้วประสาทแล้ว เราเริ่มผ่อนคลายขึ้น และบางคนพร่ำบ่นถึงกิจกรรมในภาคค่ำกันแล้ว โห ...นี่แค่นัดแรกนะนี่...คริกๆ โดยเฉพาะพี่กานต์ที่ดูเหมือนจะยิงคำถามใส่โจ้ 14 ไม่หยุด เฮ้ย...โจ้ ตกลงตอนเย็นไปไหนกันวะ นั่นคงเป็นอารมณ์ของพวกเราหลายๆคนในตอนนั้นด้วย (กระมัง)


ซดส้มตำภาคเที่ยง

หลังจากนั้นในช่วงพักเที่ยงพวกเรายกขบวนไปร้านส้มตำหน้า ร.8 แบบกะจะซดส้มตำให้หมดร้านในคราวเดียว เราไปกันหลายคน โดยมีทีม ทีละแบน ร่วมแจมด้วย นำโดยงอน 16, ดำมี่ 18 แล้วสั่งเป็นชุด ชนิดแม่ค้าตั้งตัวไม่ติดตำแทบไม่ทัน กับข้าวในเที่ยงวันนั้นต้องขอบอกว่า Hot and Spicy Like Hell เผ็ดร้อนเหมือนนรก... (ถ้าหมวดปีเตอร์เขาจะบอกว่า เผ็ดจนแสบ dark (censor)” และประโยคนี้จำได้ว่าเขาพกติดตัวไปถึงภาคค่ำตอนละเลียดเหล้าและสนทนากับน้องๆ สาวเสิร์ฟ)

ผู้หมวดพกพาเอาความเผ็ดร้อนใส่ในคำพูดของเขากลับมาพ่นไฟใส่ในสนามค่าย ร.8 อีกเช่นเคย เนื่องจากบ่ายแล้ว บัณฑิตโชว์รอ โทจัง มาลงสนามแบบรอแล้วรอเล่าก็ไม่มาซักที เล่นเอาหมวดปีเตอร์โวยวาย ส่งเสียงดังไปทั่วสนาม (บางทีอาจดังไปถึงทหารที่ถือ M.16 ซ้อมกันอยู่ในป่า อิๆ...) โทจังน่ะ !...เมื่อไหร่จะลงสนามเสียที รอนานแล้วนะ !!! เดี๋ยวจับแพ้บายเลย....ถ้าสู้ไม่ได้ก็บอกมา...!!!” หรือ โทจัง อย่าเอาเปรียบบัณฑิตโชว์ ซ้อมแต่ในร่ม ออกมาตากแดดบ้าง ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นโทจัง 2-3 คนทยอยลงสนาม ปล่อยให้บัณฑิตโชว์รอเก้ออีกคำรบหนึ่ง...


บัณฑิตโชว์-โทจัง

ตอนแข่งก็ดูเหมือนว่าบัณฑิตโชว์ ไม่ได้เป็นรองเลยซักนิด ถึงแม้โทจังจะมีผู้เล่นที่คล่องแคล่ว อย่างเบอร์ 8 ที่เลี่ยงบอล ลากเลื้อย หลบผู้เล่นของบัณฑิตโชว์จนตาลาย แล้วเปิดบอลให้เบอร์ 13 ทำประตู แต่ผมก็พบว่าจังหวะบอลนั้นยังสูสีกันอยู่ และเราสามารถป้องกันลูกอันตรายได้หลายครั้ง เห็นจะมีแต่ลูกสุดวิสัยเท่านั้นที่ผ่านมือของอ้อยไปได้ (แหะๆ มันก็แหงล่ะ ก็สุดวิสัยนี่นาน เนาะ...) พูดอย่างไม่เกรงใจเลยว่าบัณฑิตโชว์สู้ได้ ส่วนผลการแข่งขันก็คงต้องขออุบไว้อีกเช่นเคย หุๆ

มาถึงจังหวะนี้สังเกตุเห็นหลายๆ คนชักเซื่องซึมและคุยน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นต้น, อ้อย โดยเฉพาะอ้อยนั้นเห็นนั่งเงียบๆ (ปกติเขาก็เงียบๆ อยู่แล้วล่ะ) ผมได้แต่พูดคุยและปลอบใจเขาเบาๆ พลางจิบเหล้าบางๆ ไปด้วย เวลาตอนนี้เกือบๆ บ่าย 3 แล้ว พวกเรานั่งดูเกมส์ของน้อง วทบ.1 ที่จะแข่งกับเราเป็นทีมต่อไป และเห็นได้ชัดว่าน้องๆ เล่นบอลด้วยจังหวะที่เร็วพอควร เป็นที่น่าหนักใจสำหรับพวกเรา ตอนนั้นบริเวณข้างสนามมีกองเชียร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระเทยมาร้องกรี๊ดๆ ให้พวกเราหันไปมองแบบขัดๆ หู มีจังหวะหนึ่งที่น้องผู้หญิงมายืนร่วมกับกลุ่มน้องกระเทย แล้วโดนหมวดปีเตอร์แซวแบบฮาร์ดคอร์ไปว่า เฮ้ย !... น้องๆ 4 คนน่ะ เป็นกระเทยหมดเลยใช่ไหม ?” เล่นเอาน้องผู้หญิงคนนั้นถึงกับยืนงงงวย อิๆ สม... อยากมาใกล้เต๊นบัณฑิตโชว์นัก ก็ต้องเจอแบบนี้ 555

ในบางครั้งเราต้องหาอะไรมาครายเครียดกัน นี่ถ้าเป็นปีกลายเราจะเต้นพัสร๊อบกัน 2-3 คน เพียงแต่ปีนี้ไม่มีแบบนั้นแล้ว ด้วยอารมณ์มันไม่ไป (ท่าเต้นพัสร็อบหาดูได้จากหนังเรื่อง สำบายดี หลวงพระบาง ตอนนี้พระเอกอนันดานั่งดวดเบียร์ไปหลายขวด มีสาวลาวนั่งด้วย เสียงเจื้อยแจ้ว หน้าตาจิ้มลิ้มแบบลาวๆ)


บัณฑิตโชว์ VS วทบ.1

นัดต่อไปใกล้เริ่มขึ้น ภายใต้ความเชื่อมั่นที่อยากเอาชนะ (บ้างซักครั้ง) พวกเรารวมพลังกันอีกครั้ง บัณฑิตโชว์...สู้ !!!” เพื่อสู้ศึกนัดสุดท้ายของวันนี้ ขุนพลบัณฑิตโชว์วิ่งประจำที่ในตำแหน่งของตนเอง เกมส์ผ่านไปไวเหมือนโกหกและจบลงแบบเปิดเผยสกอร์ไม่ได้ (อีกแล้ว...) หรืออาจต้องเข้ารหัสไว้แบบ CRYPT ผลคือ 1:45COd7MhD1AR6 (คิดว่าคงไม่มีใครสนใจอยากรู้นักหรอก รู้แต่ว่าเป็นสายอักขระ 13 หลัก...ซับซ้อนจัง ปล่อยผมไปเถอะ...คุณผู้อ่าน)

นั่งลง ถอดรองเท้า-ถุงเท้า เหยียดขา ปาดเหงื่อ ดูเหมือนเวลานี้จะเป็นช่วงที่เงียบสงบที่สุด ผมได้ตกลงกับเพื่อนร่วมทีมว่าพวกเราจะไปกินข้าวกันที่ร้าน มิตรภาพลาบก้อย การดื่มกิน... ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ให้เราทำได้ตามประสาคนชอบการสังสรรค์ หากแต่การสังสรรค์ในค่ำคืนนี้ในอีกความรู้สึกหนึ่งเพื่อต้องการลืมผลการแข่งขันในวันนี้ หรือเพื่อจะสร้างแนวคิดใหม่ของทีม บัณฑิตโชว์ หรือแม้แต่จะเยียวยาความรู้สึกลึกๆ ของวันนี้ ก็แล้วแต่จะคิดกันไป ส่วนหนึ่งผมคิดว่าอย่างนั้น และจากการพูดคุยกับกุนซือเฮียกานต์และเพื่อนสมาชิกในทีม ไม่ว่าจะเป็น โจ้ 17, แกละ, ปีเตอร์, เม้ง, ยัน โดยเฉพาะ โจ้ 17 นั้นเขาเต็มไปด้วยแนวคิดเต็มสมอง และเมื่อเชื่อมประสานกับประสบการณ์และแนวคิดเจนโลกของพี่กานต์ เสริมด้วยความมันส์ในแบบฮาร์ดคอร์ของปีเตอร์ และชั้นเชิงของเม้ง, แกละ รวมทั้งเครื่องปรุงรสเด็ดของผมกับยัน (ที่คุยน้อยลงในตอนเย็น) ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่านำเสนอมาก และน่าจะได้รับการนำไปพิจารณาต่อร่วมกับสมาชิกทีมอีกหลายคน โดยผมจะพยายามรวบรวมให้ได้มากที่สุดเพื่อหาจุดยืนของทีมที่เหมาะสมต่อไป ภายใต้ความดื่มด่ำแห่งค่ำคืนที่เจือด้วยแอลกอฮอล์ไม่รู้ว่าจะเก็บรายละเอียดได้สักแค่ไหน ขอให้ติดตามต่อไป ...

หากยังไม่จุใจ เชิญดูภาพใน picasa นะครับพี่น้องค้าบบบ... กดเลย > http://picasaweb.google.co.th/easyLive3Mar07/PHSoccerLeauge2008

อาลัย "ชูใจ" เพื่อนรัก

ชูใจเป็นสุนัขพันธุ์คอกเกอร์เพศเมียลูกผสมระหว่าง ไท (อเมริกันค๊อกเกอร์) + ดอกรัก (อิงลิชค็อกเกอร์) ที่รูปร่างดี แข็งแรง สนุกสนาน ขี้เล่น ซุกซนเป็นที่สุด ผมชอบพาชูใจไปวิ่งเล่นที่บึงแก่นนครกับเหมียวน้อย ตอนแรกๆ ชูใจจะวิ่งพล่านไปทั่ว ดมหญ้า, ต้นไม้ไปเรื่อย รวมทั้งวิ่งไปเล่นกับสุนัขตัวอื่นๆ ชูใจลุกรี้ลุกรนตลอดเวลา และสนใจใคร่รู้ตามประสา แต่ถ้าเขาเหนื่อยแล้วจะไม่ยอมวิ่งยอมเดินเอาดื้อๆ ลากยังไงก็ไม่อยากไป

ชูใจชอบเล่นลูกบอล เวลาขว้างไปแล้วเขาจะวิ่งไปคาบมาอย่างรวดเร็ว แล้วทำทีเดินกลับมาหาเรา แต่พอเดินเข้ามาใกล้จะถึงกลับแกล้งเดินเบี่ยงออกไป และไม่ยอมคืนลูกบอลให้เราซะงั้น ทำเหมือนจอมขี้โกงเลย

ชูใจชอบวิ่งเล่นรอบๆบ้านและชอบมุดๆดมๆในป่ารกๆหลังบ้าน โชคร้ายที่ในป่ามีงูอาศัยอยู่นั่นเป็นสาเหตุให้ชูใจโดนงูพิษกัดถึงแก่ชีวิต เศร้า...และเสียดายมาก และคิดว่าหากจะเลี้ยงสุนัขอีกต้องดูแลให้ดีกว่านี้...

ขอให้ชูใจจงไปสู่สุขคติเถิด อยากให้วันเวลาดีๆของเรากลับมาอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

Sunday, June 15, 2008

ติดตั้ง Pfsense + Squid + squidGuard + lightsquid

บันทึกฉบับนี้เขียนถึงการติดตั้งและคอนฟิกซ์ Squid ทำงานร่วมกับ squidGuard (เป็นตัวกรองเว็บ) และ lightsquid (เป็นตัวเก็บสถิติ)

หลังจากติดตั้งและคอนฟิกซ์ pfSense เรียบร้อยแล้ว ทำการเพิ่ม add-on ที่จำเป็น ในที่นี้คือ proxy server ที่มีความสามารถสูง คือ Squid และโปรแกรมเสริมสำหรับ Squid ในการกรองเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ (content filter) คือ squidGuard ที่ช่วยให้การบล็อกเว็บทำได้ง่ายขึ้นเยอะเลย

การเพิ่ม package ของ Squid และ squidGuard ให้เข้าไปที่เมนู System -> Packages แล้วติดตั้งทั้ง 2 โปรแกรม แล้วทำการคอนฟิกซ์ สำหรับกรณีของผมทำดังนี้
1.Squid ไปที่เมนู Service -> Proxy Server

Proxy server: General settings

Proxy Interface : LAN
Allow user on interface : check
Transparent proxy : check
Do NOT proxy Private Address Space (RFC 1918) : check
Enabled logging : check (โปรแกรมจะเลือกที่เก็บ log ให้ คือ /var/squid/log)
Proxy port : 3128 (หรือ 8080 ก็ได้)

(นอกนั้นว่างไว้...)
กด Save

Proxy server: Cache management
Hard disk cache size : 10000 MB. (ตอนแรกโปรแกรมกำหนดให้ 100 MB. ทั้งนี้ผมเพียงทดสอบเท่านั้น)
Hard disk cache location : โปรแกรมตั้งให้เป็น /var/squid/cache
Memory cache size : 180 (RAM 512 / 3 = 170.66 ผมเลือก 180 อิๆ...)

(นอกนั้นว่างไว้...)
กด Save

2.squidGuard ไปที่เมนู Service -> Proxy Content Filter

Proxy Content filter SquidGuard: General settings
Enable : check กด Aply
Blacklist : check (เป็นการเรียกใช้ไฟล์ blacklist ที่บรรจุเว็บที่ต้องการบล็อกไว้ ซึ่งจะเก็บไว้ที่ /var/db/squidGuard/)


(นอกนั้นว่างไว้...)
กด Save



Proxy Content filter SquidGuard: Default

Default destination : เลือก deni เป็นบางอัน...หรือจะทั้งหมดก็ได้ แต่อันสุดท้ายต้องเป็น Allow


Not to allow IP addresses in URL : check
Enable log : check (ไม่ check ก็ได้ เป็นการบันทึก log)

แค่นี้เองเหรอ...ทำไมมันง่ายจังหว่า..???

หมายเหตุ // work around
เราสามารถเก็บสถิติการใช้งานโดยเพิ่ม lightsquid เข้าไป โดยเมื่อได้ลองใช้ดูแล้วพบว่ามีบันทึกที่ค่อนข้างใช้ได้ และมีข้อสังเกตุดังนี้
  • หากเราไปตั้งค่าให้ rotate squid log มันจะเพิ่มคำสั่งใน crontab อัตโนมัติ...
    สำหรับผมได้ตั้งค่าให้ rotate ทุกวันศุกร์ ปรากฎว่าใน crontab จะมีบรรทัดเพิ่้มเข้ามาดังนี้...

    0 0 * * */1 root /usr/local/sbin/squid -k rotate > /dev/null

    รูปแบบ
    #minute hour mday month wday who command

    ผลคือ lightsquid ไม่ยอมทำงานในวันถัดไป ต้องกด refresh ในหน้า lightsquid แฮะ....

  • ลองแก้ crontab ให้แบ็คอัพ access.log (ใช้คำสั่ง cp /var/squid/log/access.log /home/shared/$DATE-access.log
    แต่ในการบู๊ตเครื่องครั้งต่อไป pfsense จะลบบรรทัดที่เราเพิ่มใน crontab ทิ้งไป ตอนนี้ยังหาวิธีการอยู่
  • ลองเอาคำสั่ง rotate จาก lightsquid ออก และกำลังรอดูผล...ปรากฎว่า ต้องกด refresh เหมือนเดิม...(ถ้าไม่ถึงชั่วโมง lightsquid จะไม่บันทึกผล โดยกรนีนี้ตั้งค่าให้เก็บ log ทุก 1 ชั่วโมง ผลคือ หากมีคำสั่ง rotate พอเปิดเครื่อง จะไม่เก็บ access.log แต่พอเอาคำสั่ง rotate ออก มันเริ่มเก็บทันที ...ยังแปลกใจอยู่...)
  • ลองเอาคำสั่ง cache_swap_low 90, cache_swap_high 95 ออก (cache_swap_low 90 เริ่มเก็บ cache เมื่อพื้นที่ 90 % ของ disk cache ที่ตั้งไว้, และเก็บจนถึง 95 % ของ disk cache) เดาว่าคำสั่งนี้อาจทำให้ squid ไม่ยอมเก็บ cache เพราะเราตั้ง cache ไว้ที่ 1000 MB. แต่ตอนนี้ใช้พื้นที่ไปเพียง 500 MB. คือ 50 % จึงยังไม่ถึง cache_swap_low ที่ตั้งไว้ 90 %
  • รอดูผล...access.log เริ่มเก็บแล้ว....
สรุป
  • การเก็บ log ด้วย lightsquid ต้อง เอา cache_swap, rotate ออก ...???
21 มิย. 51
  • เปิดเครื่องแล้ว squid ไม่เก็บ log เลย (access.log) ไม่ update
  • พอแก้ไขค่าอะไรซักอย่างใน squid แล้ว save มันก็เริ่มทำงาน....lightsquid เริ่มเก็บ (แปลว่าตัวแปรหลักคือ squid ไม่ใช่ lightsquid
  • ข้อสันนิษฐานที่ผ่านมาอาจผิดหมด...ตอนนี้ปัญหาที่ access.log ไม่เก็บนั้น คงมาจาก squid ที่เดียว...
  • ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบ...
    ตอนบู๊ตเครื่องนั้นระบบจะเรียก squid จาก /usr/local/etc/rc.d/squid.sh ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

    #!/bin/sh
    # This file was automatically generated
    # by the pfSense service handler.

    rc_start() {
    if [ -z "`ps auxw | grep "[s]quid -D"|awk '{print $2}'`" ];then
    /usr/local/sbin/squid -D
    fi

    }

    rc_stop() {
    /usr/local/sbin/squid -k shutdown
    # Just to be sure...
    sleep 5
    killall -9 squid 2>/dev/null
    killall pinger 2>/dev/null

    }

    case $1 in
    start)
    rc_start
    ;;
    stop)
    rc_stop
    ;;
    restart)
    rc_stop
    rc_start
    ;;
    esac
25 มิ.ย. 51
ระบบมันทำงานอยู่นะ...เอ...มันยังไงหว่า รึว่าเราคิดมากไปเอง...???

26 มิ.ย. 51
ได้ทำ custom error page แล้ว...วิธีการจะมา update วันหลัง....

Saturday, April 19, 2008

ดาวโหลด video จาก youtube

  • ก่อนอื่นไปดาวโหลด Firefox มาก่อน โดยเข้าเว็บ Google พิมพ์คำค้น Firefox download
  • หลังจากติดตั้ง Firefox แล้ว ให้เพิ่มเติมโปรแกรมเสริม (Extension) สำหรับดาวโหลด video โดยเข้าเมนู Tools -> Addon ดังรูป
  • กดที่ Get Extensions
  • Firefox จะนำเราไปที่หน้าเว็บสำหรับดาวโหลดโปรแกรม Extensions ซึ่งมีอยู่มากมาย
  • ในช่อง Search ค้นคำว่า downloadhelper
  • จะปรากฎโปรแกรมเสริมชื่อ Video DownloadHelper คลิกที่ Add to Firefox
  • จะปรากฎวินโดว์ให้ติดตั้งโปรแกรม คลิกที่ Install now

  • ปิดโปรแกรม Firefox แล้วเปิดใหม่อีกที
  • ลองเข้าเว็บ youtube แล้วทดลองเปิดวิดีโอจะพบว่ามี icon ของ Video DownloadHelper อยู่ใกล้ๆ กับช่องค้นหาของ Google
  • คลิกเมาส์ที่ icon ตรงลูกศรชี้ลง
  • โปรแกรมจะทำการดาวโหลด video ซึ่งเป็นไฟล์รูปแบบ .FLV ให้เลือกตำแหน่งที่จะ save

  • ไฟล์ .FLV ที่ได้ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะ ที่เรียกว่า FLV Player ซึ่งมีอยู่หลายโปรแกรมมาก ลองไปดาวโหลดโดยค้นจาก Google ใช้คำค้นว่า FLV Player สำหรับตัวที่ทดสอบนี้ดาวโหลดจากเว็บ Thaiware
  • (ไฟล์ .FLV นี้สามารถแปลงไปเป็นไฟล์ video ฟอร์แมตอื่นๆ ได้ครับ)
-----------The End

Sunday, March 30, 2008

การเซ็ต classpath Java และ Editplus

ผมพบว่า...หลังติดตั้ง J2SDK แล้ว ไม่จำเป็นต้องเซ็ต classpath หากใช้ Editplus และเราสามารถเก็บไฟล์ .java, .class ไว้ที่ไหนก็ได้... โดยกรณีนี้หลังจาก compile .java แล้วจะได้ไฟล์ .class ในไดเร็คทอรี่เดียวกันครับ...

(หมายเหตุ. : ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้เท่านั้น บทความนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง...อิๆ)

ข้อมูล
  • j2sdk1.4.2_03
  • Editplus 3.0

วิธีการ (ดูรูปง่ายกว่า)

  1. ขั้นแรกเ้ข้า Editplus --> Tool --> Configure User Tools
  2. เลือก Group Name และตั้งชื่อ Java
  3. Add tool ซึ่งประกอบด้วย Javac.exe และ Java.exe ตามลำดับ ผมเก็บไว้ที่ c:\j2sdk1.4.2_03\bin
  • Java Compile


  • Java Run

(สำหรับ Java Run นี้ที่ Command หลังจากเพิ่ม c:\j2sdk1.4.2_03\bin\java.exe ให้ใส่ parameter -cp . ด้วย...เพื่อระบุให้ Java.exe อ่านไฟล์ class ที่ไดเร็คทอรี่ปัจจุบันของไฟล์ .java

Sunday, March 16, 2008

แสดงรายชื่อเครื่องที่สั่งปริ๊นใน LAN


///...หน้าตาประมาณนี้ เวลามีเครื่องไหนสั่งปริ๊น มันจะโชว์ชื่อเครื่องนั้นๆ...มีประโยชน์สำหรับร้านปริ๊นงานที่มีเครื่องเยอะๆ ...แล้วแชร์ปริ๊นเตอร์ เพื่อตรวจสอบลูกค้าที่ว่าใครสั่งปริ๊นบ้าง...///


ขั้นตอน...

Control Panel -> User Managerment

  • Add new user jo-1 – jo-15 (เลือกเป็นแบบ limited)
  • เลือก Guest -> Turn off

Start - Run
  • พิมพ์ Control userpasswords2
  • เลือกแท็บ Advanced กด advanced

  • คลิกขวา ที่ guest -> property -> disable account


Control Panel -> Administrative tools -> Local Security Settings -> Local Policy

  • User Right Assignments
    • Access this computer from the network
    • Deny Access this computer from the network เพิ่ม guest

  • security option
    • Network access : sharing and security model for local account - > เลือก classic…

Saturday, February 23, 2008

โจนาทาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล

หนังสือ เรื่อง "โจนาทาน ลิฟวิงสตัน : นางนวล"
ผู้แต่ง ริชาร์ด บาก
ผู้แปล ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

สรุป
ในตอนแรกที่ “นางนวลโจนาธาน” ฝึกบินเพียงลำพังเพื่อค้นหาวิธีที่จะบินให้ได้เร็วเหนือนางนวลทั้งหมด เขาได้ลองผิดลองถูกจนสามารถบินด้วยความเร็วสูงเกินกว่าที่นางนวลปกติจะทำได้ แต่เขาถูกขับไล่ออกจากฝูงให้กลายเป็น “ตัวหัวเน่า” ฐานประพฤตินอกคอกจาก “กฎของฝูง” ของนางนวลที่ควรจะมีชิวิตอยู่เพื่อ “กิน” เท่านั้น และบอกว่าชีวิตเป็นเรื่องลี้ลับและจะเรียนรู้ไม่ได้ ถึงกระนั้นโจนาธานก็ไม่ได้ลดละความพยายาม เขาเห็นว่าการบินเป็นคำตอบเดียวของนางนวล เป็นทางออกของชีวิต เป็นหนทางแห่งเสรีภาพทั้งปวง และเป็นสิ่งที่นางนวลทุกตัวควรจะมีและแสวงหา โจนาธานไม่อาจจะเข้าถึงหัวใจที่แท้จริงของการบินได้หากปราศจาก “เจียง” นางนวลเฒ่าที่สอนเขาให้รู้จักการบินที่แท้จริงที่จะนำไปสู่หนทางหลุดพ้น จากนั้นโจนาธานก็กลับมาที่ฝูงด้วยความเป็นเลิศในการบิน เขาได้รับการต้อนรับจากนางนวลที่ให้ความสนใจ พร้อมๆกับการต่อต้านและรังเกียจจากฝูงนางนวลบางส่วนที่ยังยึดมั่นในกฎ จากนั้นเริ่มมีนางนวลสมัครเข้าฝึกบินกับเขา และพัฒนาฝีมือในการบินอย่างสม่ำเสมอ ภายใต้การแนะนำของโจนาธาน หนึ่งในนั้นคือ “นางนวลเฟรตเชอร์” ผู้มีฝีมือเป็นเลิศและเจริญรอยตามโจนาธาน และกลายเป็น “ลูกชายนางนวลผู้ยิ่งใหญ่” ท้ายที่สุดเขาได้สืบทอดการฝึกบินนี้ให้กับฝูงนางนวลทั้งหลาย

วิจารณ์
ผู้เขียนซึ่งมีอาชีพนักบินได้ถ่ายทอดเรื่องราวของนางนวลโจนาธาน ลิฟวิงสตัน ซึ่งเป็นชื่อของนักบินที่เขาชื่นชอบ ด้วยความที่ผู้เขียนเป็นผู้ที่ชื่นชอบการบินเป็นที่สุด ดังนั้นการบรรยายถึงลักษณะท่าทางของการบินของนางนวลโจนาธานน่าจะกลั่นกรองจากความรู้สึกและแรงบันดาลใจของผู้แต่งเอง และดูเหมือนผู้แต่งจะใส่ตัวตนของเขาเข้าไปในนางนวลโจนาธานด้วย แล้วสอดแทรกความสนุกสนานในการค้นหาวิธีบินให้เร็วจนนำไปสู่การค้นหาตัวตนที่แท้จริง การเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต อันได้แก่เสรีภาพของการดำรงอยู่ การดำเนินเรื่องมีความต่อเนื่องติดตาม มีบางจุดที่มีเรื่องราวเกินจริงและทิ้งความน่าพิศวงไว้ให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการจินตนาการของเนื้อเรื่องด้วย เพื่อชักชวนให้ผู้อ่านเข้าถึงปรัชญาที่แฝงเร้นอยู่และที่เขียนต้องการสื่อออกมา เช่นการที่นางนวลโจนาธานเปล่งแสงได้แล้วหายวับไปกับตา และเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ผ่านห้วงเวลา หรือการที่นางนวลเฟรตเชอร์พุ่งชนหน้าผาด้วยความเร็วสูงแล้วรอดชีวิตโดยไม่มีอาการบาดเจ็บเลย
ในตอนท้ายของเรื่องผู้เขียนได้ชักนำให้เรื่องราวของหนังสือไม่ได้อยู่ที่ “การบิน” ด้วยความเร็วเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ “การแสวงหาความจริงของชีวิต” มากกกว่า และทั้งสองสิ่งกลายเป็นเรื่องเดียวกันในที่สุด ผู้เขียนได้ใช้การฝึกฝนเรื่องความเร็วของการบินปูทางไปสู่การหลุดพ้นได้อย่างแนบเนียน ซึ่งหากจะพิจารณาถึงประเด็นดังกล่าวที่มีผู้วิจารณ์บอกว่าเป็นปรัชญาที่แฝงไว้ในศาสนาพุทธ, คริสต์, ฮินดู ก็ดูจะไม่ผิดนัก และโดยเฉพาะศาสนาพุทธ นั่นคือ “การหลุดพ้น” อันเป็นเป้าหมายสูงสุด ซึ่งบรรลุลงได้ด้วยการละทิ้งกิเลส ความชั่วทั้งปวง แล้วบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์ ด้วย ศีล ทาน ภาวนา จนเข้าสู่นิพพาน

Link :

Monday, February 18, 2008

สรุปประเด็นที่ได้จากการอ่าน "อนาคตระทึกขวัญ"


หนังสือ เรื่อง "อนาคตระทึกขวัญ"

ผู้แต่ง อัลวิน ทอฟเลอร์

ผู้แปล กำพล นิรวรรณ


ผู้เขียนได้อธิบายถึงปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆในโลกที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และทิศทางการเปลี่ยนแปลงในหลายรูปแบบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลอย่างกว้างขวางต่อระบบการดำเนินชีวิต สังคมวิทยา จิตวิทยา ของมนุษย์ นอกจากนั้นอัตราเร่งของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสังคมยังมีไม่เท่ากัน และในสังคมเดียวกันก็มีความเร็วไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้เกิดภาวะที่ไม่สมดุลย์ในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความคิดขึ้นทั้งในสังคมโลก และที่ผ่านมามนุษย์มีพฤติกรรมในหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งต่อต้าน และยอมรับ ทั้งนี้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปของมนุษย์ในแต่ละวัยก็มีความแตกต่างกัน การรับมือกับปัญหาส่วนตัวและส่วนรวมของมนุษย์ต่างมีรูปแบบที่หลากหลายผู้เขียนได้อธิบายถึงสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ได้แก่


  • การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความต้องการด้านที่อยู่อาศัย อัตราการบริโภคสินค้าและบริการ การใช้เผาผลาญพลังงาน การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการก่อมลพิษ

  • การพัฒนาเทคโนโลยีอันเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการพัฒนาเครื่องมือในการทำงาน พาหนะในการเดินทาง การติดต่อสื่อสาร


ผู้เขียนได้เสนอแนะวิธีการอย่างกว้างๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผู้เขียนได้เสนอแนะให้เปิดกว้างทางความคิด เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆอย่างมีเหตุผล รวมทั้งการใช้จิตนาการเข้าประกอบการพิจารณาบทบาทของอนาคตที่มีผลกับปัจจุบัน พยายามให้เกิดมุมมองใหม่ต่อระบบการศึกษาและพยากรณ์อนาคต โดยเสนอว่าควรมีการศึกษาเรื่องอนาคตนิยม หรือดินแดนในอุดมคติขึ้น อย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยสังคมต้องเปิดกว้างและให้การยอมรับ โดยร่วมมือกันในหลายนักวิชาการหลายแขนง แล้วนำผลการศึกษามาเผยแพร่ทางสือหลายรูปแบบ เพื่อให้สังคมรับรู้และเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และทดลองใช้ชีวิตพร้อมๆ การปรับตัวภายใต้เงื่อนไขที่จะเกิดขึ้น พัฒนาและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับมีหน่วยงานตรวจสอบและประเมินเทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบ ถึงผลกระทบก่อนนำออกใช้



วิจารณ์
ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมโลก อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของการพัฒนาเทคโนโลยี และการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก โดยเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต สาเหตุดังกล่าวทำให้เกิดความแตกต่าง เหลื่อมล้ำในหลายๆ สังคม ในเชิงความคิด เศรษฐกิจ การเมือง ฯลฯ และนำไปสู่ความขัดแข้งและความไม่เข้าใจกันในวงกว้าง เป็นเหตุให้เกิดกลุ่มสังคมใหม่ๆ ขึ้นเพื่อรองรับและบรรเทากับความตึงเครียดของสถานการณ์ต่างๆ และผู้เขียนยังได้แสดงความวิตกอย่างแรงถึงอนาคตแห่งความสับสนที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามาในสังคมโลก และได้หาทางออกด้วยการนำเสนอรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ควรจะเป็น การให้มีหน่วยงานตรวจสอบเทคโนโลยีก่อนนำออกมาเผยแพร่และใช้งาน เป็นต้น
ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับผลกระทบที่ผู้เขียนได้บรรยายถึงจากอดีตถึงปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าคิด และสัมผัสได้ในหลายเรื่อง เนื่องจากผู้เขียนมองภาพในมุมกว้างและพยายามหยิบยกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์มานำเสนอ ซึ่งหากวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเป็นความจริงที่มนุษย์เราได้เดินทางจากอดีตถึงปัจจุบันตามกระแสของโลกาภิวัตน์ คือด้านหนึ่งได้ดำเนินชีวิตไปตามกระแสของการพัฒนาเทคโนโลยี และถูกชักจูงให้ไหลตามวิถีของการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นเพราะมนุษย์รวมกันอยู่เป็นสังคม ย่อมถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ และอีกด้านหนึ่งเป็นทางเลือกที่มนุษย์เลือกเองว่าจะดำรงชีวิตภายใต้กฎเกณฑ์หรือไม่เพียงใด และทั้งสองด้านมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่นั่นไม่เท่ากับการแปลี่ยนแปลงสำคัญๆ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยี เศรษฐกิจ การเมือง ที่เป็นตัวกำหนดชะตากรรมของมนุษย์ให้เป็นไปทางใดทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่การย้อนคิดถึงผลกระทบจากเรื่องอดีตนั้นอาจไม่จำเป็นเท่ากับการนำประสปการณ์ต่างๆ ในอดีตมาศึกษาเรียนรู้ ป้องกันและแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เพียงแต่จะให้เกิดผลได้ต้องมีความร่วมมือจากนานาประเทศ
ส่วนแนวคิดเรื่องการสร้างเมืองในอุดมคติ มีหน่วยงานตรวจสอบประเมินเทคโนโลยี หรือพยากรณ์เรื่องอนาคต การให้มีนักคิด นักวิชาการในหลายๆ แขนงมาช่วยกันศึกษานั้นก็เป็นแนวคิดที่ดีและน่าดำเนินการ และเป็นทางออกที่น่าสนใจในการลดความรุนแรงของอนาคตระทึกขวัญ และผู้เขียนได้แนะนำให้บุคคลต่างๆเหล่านี้ได้เข้าไปทำงานในหลายๆหน่วยงาน ทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย ตรวจสอบนโยบาย ผลิตภัณฑ์ต่างๆขององค์กร ในด้านที่อาจจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ซึ่งอันที่จริงลักษณะการทำงานดังกล่าวก็น่าจะมีบ้างแล้วเช่นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็มีกฎหมายเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีผู้เชี่ยวชาญประเมินถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางลดผลกระทบ เป็นต้น แต่เรื่องทั้งหมดจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายกฎหมาย/นโยบาย และฝ่ายปฏิบัติ ภายใต้ความสุจริตใจไร้ความลำเอียงใดๆ และไม่ควรมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง และร่วมมือกันทั้งโลก มีสนธิสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว และมีบังคับและการตรวจสอบที่ชัดเจน

Sunday, February 17, 2008

แก้ปัญหาเมนบอร์ดมองไม่เห็น RAM

เจอปัญหาง่ายๆ ที่บางครั้งเราก็ไม่รู้...(ตามประสาคนอ่อนหัด) ท่านเทพทั้งหลายอ่านเจอคงตลก...แต่ความรู้มีไว้เผื่อแผ่นี่เนาะ...
ู้
อุปกรณ์
  • CPU : Celeron 1.3 GHz/256/100 1.5 V.
  • RAM 2 x 128 MB./133
  • Mainboard GA-6VEML Socket 370, Support 66/100/133 Bus
ปัญหา
  • BUS ของ CPU 100 MHz ส่วนของ RAM 133 MHz มีขนาดไม่เท่ากัน เวลาใส่ RAM 2 ตัว มองเห็นแค่ตัวเดียว
วิธีแก้ไข

ต้องกำหนด BUS ของ DRAM ให้เป็น 100 โดยเข้าไปใน BIOS แล้วตั้งค่าที่จำเป็นอื่นๆ ดังนี้ (อาจต่างกันในเมนบอร์ดรุ่นอื่น...)
  • Advance Chipset Feature
    • Bank 0/1 DRAM Timing : (SDRAM 8/10 ns)
    • SDRAM Cycle Length : (3)
    • DRAM Clock : (Host CLK)
  • Frequency Voltage Control
    • CPU Host Clock (CPU/PCI) : (100)
(หมายถึงกำหนดค่า DRAM Clock เท่ากับของ CPU ซึ่งก็คือ 100 MHz นั่นแหละ นี่ถ้ามี RAM Bus 100 ก็คงไม่ต้องทำอย่างนี้สินะ แต่บางทีเมนบอร์ดบางรุ่น (เก่าๆ) ก็จำเป็นต้องตั้งค่าให้มันเพิ่มเติมอ่ะนะ...)

Bye...

Monday, February 11, 2008

เกมโยนเม็ดมะขาม


บทความนี้นำมาจาก phkku.com ตอนแวะไปตอบกระทู้น้องหนุ่ม PH 15 และเทพเมรัย...

เทพเมรัย : "ข้าพเจ้าไม่ชมชอบฟุตบอล แต่ชมชอบบรรยากาศเชียร์ฟุตบอล คนนี่ก็แปลก เที่ยวไล่เตะลูกยางกลมๆ กันรอบสนามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อเตะมันให้ผ่านโครงเหล็กเป็นช่องที่เรียกว่า ประตู"

ผมตอบ...
เพื่อนเทพฯ จะยิ่งแปลกและขำขึ้นไปอีกหลายคำรบ หากได้พบว่า...ยังมีกีฬาอีกหลายประเภทที่เล่นในลักษณะใกล้เคียงกัน คือมีลูกกลมๆ ใช้เตะหรือตีให้มันลงไปในห่วง หรือลงรู อะไรเทือกนั้น บางอย่างตีให้ข้ามตาข่าย ซะงั้น...



สมัยเราเป็นเด็กในยุคที่คอนกรีตเข้าไปในหมู่บ้าน...เคยเล่นสนุกกับบรรดาเพื่อนเด็กด้วยกัน โดยใช้เม็ดมะขามต่อเป็นแถวยาว ที่หัวแถววางลูกมะขาม 3 ลูกเป็นสามเหลี่ยม และวางอีกลูกไว้ตรงกลาง เขาเรียกว่า "รถไฟ" เราและคู่แข่งอีกหลายคน แต่ละคนพกพาเม็ดมะขามไว้เต็มกระเป๋ากางเกง ทุกคนยืนห่างออกไปราว 20 ก้าว แล้วโยนเม็ดมะขามคนละเม็ดโดยเลือกเม็ดที่คิดว่าใหญ่สุด หนักสุดเพื่อตัดแถวรถไฟมะขามให้ขาด ใครตัดตรงไหนก็รวบเอาจนถึงหาง ใครโยนโดนที่หัวก็ได้ทั้งแถว บางครั้งทะเลาะกันเพราะโดนพร้อมกัน...พวกเราไม่มีเงิน จึงต้องเล่นพนันแบบนี้ และมันก็สนุก ดุเด็ดเผ็ดมันส์เอาเรื่องเหมือนกัน บางวันเล่นตั้งแต่เช้า ไม่ห่วงแม้ข้าวงาย (ข้าวเช้า) ถึงแม่จะมาตามพร้อมดุว่าก็ตามที ...ความต้องการเอาชนะมันฝังในหัว เกมส์ หรือกีฬามันก็เริ่มด้วยเหตุนี้...กระมัง

เม็ดมะขามที่ว่า เราล่อนออกจากผลของมันที่ได้จากการวิ่งไล่แย่งกันกับเพื่อนของเรา ใต้ร่มมะขามใหญ่ในสวน มะขามเปรี้ยวจะให้เม็ดที่ใหญ่กว่ามะขามหวาน ในยามลมมรสุมรุมแรง ผลมะขามสุกทั้งเล็กลูกใหญ่โค้งงามที่มีหลายข้อ หรือมะขามข้อเดียวก็ร่วงลงตามพื้น...เราไม่หวั่นแม้กิ่งไม้จะร่วงตาม หรือฝนจะพร่ำ เมื่อได้มะขามเต็มโซนเสื้อ (ใช้ชายเสื้อดึงขึ้นทำเป็นถุง) เราก็รู้วิธีที่จะเอาเม็ดของมัน โดยเราหลอกล่อแม่ของเราว่าเก็บมะขามมาให้แม่ไว้ทำกับข้าวหลายอย่าง ทั้งต้มยำปลาช่อน ต้มไก่ ต้มเปรตปลาไหล แจ่วบอง หรือคั่วเม็ดมะขามให้พ่อเคี้ยวเล่นยามว่าง ก่อนที่แม่เราจะรับไป แม่จะดุเราก่อนว่าไม่ให้ออกไปไหนตอนลมแรงประเดี๋ยวกิ่งไม้หล่นใส่หัวแตก... เรารับคำแบบผ่านๆ แล้วไม่นานเราก็ได้เม็ดมะขามเยอะแยะ ใส่ขวดโหลไว้...หุๆ จากนั้นความสนุกก็อยู่ในหัวของเรา...

หวังว่าเพื่อนคงจะนึกออก และถ้าไม่เคยเล่น หากเราได้พบกัน เราอาจเล่นให้ดู อ้อ...พวกผู้ใหญ่ชอบเอาเม็ดมะขามนี้ไปผ่าครึ่ง ใช้ 4-5 เม็ด โยนแล้วใช้กะลาครอบไงเพื่อน ไอ้นี่เขาเรียก "โบก" ไง คงจะนึกออกกระมัง ส่วนน้องๆ รุ่นแอ๊บแบ๊วอาจงงๆ ว่าพี่เขียนอะไรให้อ่านฟะเนี่ย...เพราะทุกวันนี้เขาเลิกเล่นเพราะตำรวจไล่จับ คงเหลือแค่ไฮโล และคาสิโนที่เขมร หรือพม่ารามัญนั่นไง บ้านเราเปิดไม่ได้ เลยไปเล่นมัที่ต่างประเทศ บางคนหอบเงินหลายล้ายไปเล่นที่ลาสเวกัส...

เขียนถึงกีฬาลงรู...ไหงกลายเป็นการพนันไปได้ ข้อคิดก่อนจาก คือเล่นกีฬาให้เป็นกีฬานะครับพี่น้อง หลีกหนีให้ห่างจากการพนันอบายมุขได้เป็นดี ชีวีจะเจริญนะ เยเมน...

แถมอีกนิด...ประโยชน์ของมะขาม

ใบมะขามแก่ช่วยขับเสมหะ แก้บิด แก้ไอ เนื้อในของฝักมะขามแก่ แก้ท้องผูก แก้ไอ ขับเสมหะ แก้กระหายน้ำ มะขามเปรี้ยวๆ แก้งวงได้ดี ไม่เชื่อเวลาขับรถไปกับหวานใจ ลองพกมะขามไปด้วย ได้ผลชะงัดนัก บางทีเหนื่อยๆ ลองแวะชมวิวข้างทางกับหวานใจ แล้วงัดมะขามที่เตรียมไว้ออกมาจิ้มน้ำพริกน้ำปลา ใส่น้ำตาลลงไปพอหวานปะแล่ม...รับรองสุขีสโมสรนักแล...

Sunday, February 10, 2008

การสร้าง USB Flash Drive สำหรับบูตเครื่อง (Bootable Flash Drife) จาก Hiren ' Boot CD

อุปกรณ์

  1. แผ่น Hiren 's Boot CD ดาวโหลดได้จาก http://www.hiren.info แล้วเขียนลง CD
  2. USB Flash Drive
  3. คอมพิวเตอร์ (ที่สามารถกำหนด BIOS ให้บูตจากแฟลชไดร์ได้)
  4. โปรแกรมฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟ ดาวโหลดได้จาก USB Disk Storage Format
  5. โปรแกรม UltraISO (ลองค้นใน Google ดูนะครับ มีหลายเว็บที่เปิดให้ดาวโหลด...)
ขั้นตอน

  1. ใส่แผ่น Hiren's Boot CD (ผมใช้เวร์ชั่น 8.0) แล้วสร้าง Boot file โดยใช้โปรแกรม UltraISO ซึ่งจะได้ไฟล์ Hiren'sBootCD8.0.bif เซฟไว้ที่ D:\Hiren


  2. เปิดไฟล์ Hiren'sBootCD8.0.bif ด้วยโปรแกรม UltraISO ซึ่งจะมองเห็นไฟล์ต่างๆ ดังรูป


  3. เลือกไฟล์ทั้งหมด (กด Ctrl + A) แล้วคลิกขวา... extract ไฟล์ทั้งหมดไปไว้ที่ D:\USB ดังรูป


  4. ฟอร์แมต USB Flash Drive ด้วยโปรแกรม USB Disk Storage Format ที่ดาวโหลดไว้ตอนแรก โดยเลือก boot file จาก D:\USB ดังรูป


  5. เมื่อฟอร์แมตเสร็จ ใน Flash Drive จะมีไฟล์ IO.SYS, MSDOS.SYS, COMMAND.COM จากนั้น copy โฟลเดอร์ BootCD จากแผ่น Hiren Boot CD มาไว้ใน Flash Drive แล้ว copy ไฟล์จาก D:\USB (ห้าม copy ไฟล์ IO.SYS ทับไฟล์ IO.SYS นอกนั้นสามรถทับได้)
  6. ลบไฟล์ JO.SYS จาก Flash Drive เป็นอันเสร็จครับ..
  7. ทดลองบูตจาก Flash Drive ที่สร้างเสร็จแล้ว โดยกำหนด BIOS ให้บูตจาก Flash Drive ...

อ่านเพิ่มเติม

http://www.hiren.info/pages/bootcd-on-usb-disk

Monday, February 04, 2008

วัฒนธรรมเพี้ยนๆ...

รัฐบาลตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมามาดูกันซิว่า เขามีงานอะไรทำบ้าง

ในอดีตเคยมี รมต.กระทรวงนี้ปิ๊งไอเดียเด็ดจะนำพระเข้าไปสวดมนต์ในห้าง ประมาณว่าจะให้ผู้คนที่ไปเที่ยวห้างนอกจากจะได้สินค้าฟุ่มเฟือย, ดูหนังน้ำเน่า, แฟชั่นแต่งตัวบ้าบอแล้ว ยังได้รับบุญกุศลกลับไปบ้านด้วยอีกแรงหนึ่ง ผมรู้สึกอยากจะเอาหัวชนกำแพง ...เฮ้อ คิดได้ไงนี่ น่าสรรเสริญ

และล่าสุดได้ยินว่ากระทรวงนี้จะหาทางแก้ไขปัญหาพวกเด็กวัยรุ่นมั่วเซ็กส์โดยจัดตั้งโครงการบวชสามเณรฤดูร้อน, ออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท, ฟังเทศน์อบรมบ่มนิสัย แล้วคิดเหรอว่าโครงการพวกนี้จะแก้ปัญหาเด็กใจแตกอะไรพวกนี้ได้ นอกจากนั้นกระทรวงนี้จะจัดระเบียบหอพัก โดยเข้าไปตรวจสอบหอพักที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กนักเรียนมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ฉันท์สามีภรรยา โดยเข้าไปกวดขันเจ้าของหอพัก หากพบเหตุการณ์ดังกล่าวจะจับและปรับเจ้าของหอพัก อะไรเทือกนั้น

ผมเขียนถึงเรื่องน่าเบื่อและซีเรียสนี้ เพียงเพื่อจะบอกว่า การแก้ไขปัญหาแบบนี้มันแสนจะตลกและไม่สอดคล้องกับเหตุของปัญหาเอาเสียเลย ไม่ต่างอะไรกับการที่คุณทักษินให้ชาวบ้านพับนกกระดาษแล้วขนขึ้นเครื่องบินโปรยลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นี่ก็เช่นกัน คนยิงกันเดือดร้อน คงแก้ไม่ได้เพียงพับนกกระดาษไปโปรย ได้แค่ความสนุกและความหวังลมๆแล้งๆ เมื่อไหร่เขาจะคิดกันให้ละเอียดลึกซึ้งแบบเข้าถึงซึ่งสาเหตุ, กลไกของปัญหาเสียที...

ผมเก่งนักหรือที่เที่ยววิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ? ... ผมเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่เฝ้ามองดูการทำงานของรัฐบาลมาตลอด และในบ้างครั้งรู้สึกระคายเคีองกับการแก้ปัญหาลักษณะนี้ มันไม่แปลกและเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะวิพากวิจารณ์ และอย่างน้อยความคิดของผมอาจใช้ได้ด้วย ...หุๆ

ประเด็นแรก ค่านิยมของวัยรุ่นในปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็วแรงตามกระแสของแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นการแต่งตัว, เสื้อผ้า, ทรงผม, ความคิด, การพูดจา, คำพูด, การแสดงออก, การใช้ชีวิต, การอะไรอีกเยอะแยะ กระแสต่างๆ ดังกล่าวมีที่มาจากหลายทาง เช่น สื่อ TV, วิทยุ (สถานีเพลง, DJ),อินเตอร์เน็ต, หนังเกาหลี, ญี่ปุ่น, ภาพยนต์โฆษณา, ภาพยนต์ช่องฟรี TV ทั้งหลายแหล่, เพลงของวัยรุ่น, ดารา, นักร้อง, นักแสดง หรือแม่แต่คนใกล้ตัว, เพื่อนร่วมงาน, ผู้ปกครอง จะเห็นว่าเรื่องนี้มันเยอะแยะและซับซ้อน คนที่เห็นพฤติกรรมของวัยรุ่นเป็นไปในทางที่แปลกๆ เช่น พักอยู่กับแฟน, ขับมอไซต์ซิ่ง, แต่งตัวแปลกๆ, ใช้ของฟุ่มเฟือย หรือมีนิสัยก้าวร้าวหยาบคาย แล้วไม่ทำความเข้าใจกับเหตุผลความเป็นมาของปัญหาเหล่านี้ก็น่าเสียดายปัญญาของตัวเอง

ผมกำลังจะบอกว่าการรับเอาแบบอย่างวัฒนธรรมหลายๆอย่างทั้งจากนอกประเทศ และจากในประเทศของเราเอง ตอนนี้มันเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะยับยั้งชั่งใจ มือถือเครื่องหนึ่งสามารถกด 1900 เพื่อเข้าสู่บริการหลากหลายประเภท, สร้างคลิปวิดีโอ, ถ่ายรูปแล้วนำเข้าอินเตอร์เน็ตและแพร่กระจายไปใน www อย่างรวดเร็ว เนื่องจากระบบอินเตอร์เน็ตที่กระจายไปทุกหัวระแหง ด้วยราคาค่าเช่าที่ถูกเหลือเชื่อ และความเร็วที่เพิ่มขึ้น อินเตอร์เน็ตเข้าไปถึงในห้องส่วนตัวของเด็กวัยรุ่น เยาวชน นักเรียน, ในโรงเรียน, ในร้านเน็ต ร้านเกมส์ เนื้อหาในอินเตอร์เน็ตมีการอัพเดทกันทุกวินาที และในหลายล้านเว็บไซต์ และยากต่อการควบคุมเนื้อหาและการเข้าถึง เช่นเดียวกันกับเนื้อหาในบทเพลง และการแสดงออกในหนังโฆษณา และหนังน้ำเน่าใน TV ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมฟุ้งเฟ้อ การแย่งผัวเมีย การตบตีกันของนักแสดงหญิง บทเลิฟซีนของนักแสดง นอกจากนั้นชีวิตส่วนตัวของบรรดานักร้อง นักแสดงยังถูกแวดวงซุบซิบนินทาทั้งในหนังสือดาราและสื่ออื่นๆ เป็นที่มันปากของสังคม

ประเด็นต่อมาทุกคนในสังคมนี้มีอิสระที่จะเข้าถึงสื่อที่กล่าวมาได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยน ความคิด ความเชื่อได้ตามเรื่องที่ได้รับรู้อย่างง่ายดาย เพราะกระแสที่โหมกระหน่ำของสื่อต่างๆเหล่านี้กระพือไปเพื่อแลกกับเม็ดเงินมากมายในธรุกิจค้าขายเนื้อหาเหล่านี้ ผ่านมือถือ TV วิทยุ ถามว่า...หน่วยงานใดรับผิดชอบในการคัดกรองเนื้อหาเหล่านี้บ้าง ผมเห็นมีแต่เจ๊คนนึงคอยวิจารณ์การแต่งตัวของดารา แล้วเป็นกระแส และเงียบหายไป สุดท้ายก็เป็นประเด็นให้สังคมสนใจอยู่ระยะหนึ่ง แล้วดาราคนนั้นก็ดังชั่วข้ามคืน...เหอๆ ลองมองย้อนไปดูในอดีตว่ามีใครบ้างที่ถ่ายหนังโป๊ แล้ว TV ก็นำมาออกรายการ และหลังจากนั้นหนังก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หรือว่า ดาราทำจุกล้นบรา แล้วภาพนั้นก็ปรากฎใน TV, อินเตอร์เน็ต ปรู๊ดเดียวเธอก็เป็นที่รู้จักทันที ง่ายอย่างกะปอกกล้วย หากใครอยากจะดังในทุกวันนี้

ย้อนกลับมาดูว่าเรื่องที่เล่ามามันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนในสังคมอย่างไร และจะนำไปสู่วิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างไร (ภายใต้การปฏิบัติอย่างจริงจัง) เรื่องแรกคือเราต้องลบภาพความเชื่อแบบเก่าๆที่คิดว่าวัฒนธรรมดั้งเดิมจะสามารถเรียกคืนมาได้อีก มันอาจทำได้ในบางท้องถิ่นที่ยังมีการติดต่อกับภายนอกไม่มากนัก และมีความภาคภูมิใจในวิถีดั้งเดิมของชุมชนและที่สำคัญท้องถิ่นหรือชุมชนดังกล่าวสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้ที่ดีพอ และไม่ลำบากเรื่องปัจจัยการครองชีพ แล้วใครล่ะที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมเหล่านี้ ก็คงเป็นในเขตเมืองที่ทุกคนต่างวุ่นวายกันการทำงานหาเลี้ยงชีพ ความเร่งรีบในเมืองหลวง ความพร้อมของสื่อในการให้บริการ ทางเลือกในการดำเนินชีวิตมีหลากหลาย และต้องเพ่งเล็งไปถึงกลุ่มอาชีพนักเรียนนักศึกษา เนื่องจากยังไม่สามารถหารายได้ได้เอง มีอิสระในการดำเนินชีวิตค่อนข้างสูง บางคนจากถิ่นฐานบ้านเกิดมาเพื่อเรียนหนังสือ และได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมายจึงอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ บางคนมีแฟนและต้องการพักอาศัยร่วมกัน เนื่องจากหอพักในมหาลัยเต็ม หรือไม่อนุญาตให้หญิง-ชายพักด้วยกัน บางคนคบเพื่อนและพากันเที่ยวกลางคืน มั่วเซ็กส์ เสพยา เมาสุรา ทั้งๆ ที่กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ขายสุราแก่ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี และรัฐบาลก็ขึ้นภาษีสุราอย่างต่อเนื่อง แต่หารู้ไม่ ไทยเรายังครองอันดับ 5 ของโลกในการบริโภคสุรา ที่สำคัญเยาวชนดื่มมากขึ้น และเพศหญิงดื่มมากกว่าชาย เรื่องนี้ควรจะมีการศึกษาว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้... ยืดอกพกถุงในวัยเรียนเป็นเรื่องที่น่าคิดหรือไม่ว่าจะช่วยป้องกันเอดส์ ป้องกันการท้องก่อนวัยเรียน หรือยิ่งส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมีเซ็กส์อย่างสบายใจกันแน่ ครั้งหนึ่งมีครูบาอาจารย์สนับสนุนโครงการตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน โดยมีนักเรียนแกนนำมาร่วมโครงการ มีครูยุ่นคัดค้าน หุๆ ... การแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างในปัจจุบันดูเหมือนจะยิ่งยากมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมของสังคม สิ่งหนึ่งที่สังเกตุเห็นคือ คนในเมืองได้ดู TV หลายช่อง ส่วนคนชนบทได้ดูไม่กี่ช่อง สมองเน่าๆของผมเห็นว่าเราต้องเพิ่มช่องสัญญาณที่มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ให้มากกว่านี้ เพิ่มรายการที่มีสาระต่อเด็กและเยาวชน รวมทั้งผู้ปกครองเองด้วย ไม่เช่นนั้นทางเลือกที่ยิ่งน้อยจะนำเราไปสู่ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่น้อยตามไปด้วย เหมือนอย่างเว็บไซต์วาไรตี้ทั้งหลายที่นำเสนอภาพลับเฉพาะกันอย่างเนืองๆ คลิปหลุดดารา หนัง AV ต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม สำหรับผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะอาจไม่มีปัญหาในการรับชมนัก แต่ต้องห่วงไยเด็กและเยาวชน และต้องหาทางสกัดสิ่งเหล่านี้ก่อนออกสู่สาธารณะให้มากที่สุด สุดท้ายมันอยู่ที่จิตสำนึกและการเข้มงวดกวดขันว่าจะทำได้มากเพียงใด ยังมีอีกมากที่อยากจะเขียนระบาย แต่คิดได้จะมาเพิ่มทีหลัง...