Saturday, October 28, 2006

เกษตรพอเพียง

พ่อของผมเล่าให้ฟังว่า มีชาวบ้านที่หมู่บ้านบอกว่า ปลูกผัก เลี้ยงปลาได้มามากๆแล้วไม่รู้จะเอาไปขายที่ไหน มันเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่ง เนื่องจากชาวบ้านคงยังไม่เข้าใจเรื่อง ความพอเพียง ที่ดีพอ ดังนั้นเมื่อนำไปปฏิบัติจึงพยายามผลิตเป็นจำนวนมากๆ เพื่อนำไปขายต่อ ดังนั้นเมื่อหน้าแล้งเวลาจะจับปลามากิน หรือจัดงานเลี้ยงก็ไม่มีปลาเหลือ ซึ่งในความเป็นจริง มีประเด็นหนึ่งของแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสอนไว้ว่า ให้รู้จักประมาณตน อยู่ในความพอดี อยู่บนฐานของตนเอง ผมคิดว่าคล้ายกับหลัก มัชฌิมาปฏิปทา ของพุทธศาสนาที่สอนให้เราเดินทางสายกลางเป็นพื้นฐาน และในความคิดของผมคิดว่าน่าจะต้องดำเนินชีวิตให้ห่างจากความเห็นแก่ตัว ไม่เบียดเบียนธรรมชาติมากเกินไป ทำเกษตรเพื่อเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อน ที่เหลือควรเผื่อแผ่ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ทำอย่างนี้ได้น่าจะมีกินไปตลอดชีวิต เพราะหากทุกคนในสังคมรู้จักแบ่งปันแล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินตราให้มากมาย

Tuesday, October 17, 2006

กอล์ฟ : เพื่อนตลอดกาล

TROY : ตำนานแห่งสงคราม ความรัก และกลศึก

ผมได้ดูหนังเรื่อง "TROY" แล้วรู้สึกประทับใจ
หนังเรื่องนี้เป็นตำนาน และมีเรื่องย่อดังนี้...

ผู้ชาย ทำสงคราม บ้างเพื่อความรุ่งเรื่อง การขยายอาณาเขต
บ้างทำเพื่อความซื่อสัตย์
บ้างก็ทำเพื่อ
แสดงพละกำลัง
และ
เพื่อ...
ความรัก
ในยุคกรีกโบราณ
ได้มีนักรัก 2 คนที่มีแต่กิเลสตัณหา
ได้แก่
"ปารีส"...ผู้เป็นราชกุมารแห่ง "TROY"
และ "เฮเลน" ผู้เป็นราชินีแห่ง "สปาตา"

สองคน ผู้ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดสงครามแห่งอารยธรรมที่ลุกใหม้อย่างรุนแรง
เมื่อ ปารีส ได้ลักพาตัวเฮเลนไปจากสามีของเธอ...
สามีของเธอก็คือ กษัตริย์ ชื่อ "เมเนลัส"
ผู้ซึ่งถูกดูหมิ่นอย่างยอมรับไม่ได้
เมเนลัส ที่มีพี่ชายชื่อ "อกาเมนนอน"...

ผู้เป็นกษัตริย์ผู้เกรียงไกร แห่ง ไมเซเนียน
ผู้ซึ่งทำศึกสงครามเพื่อรวมกรีกให้เป็นเพียงหนึ่งเดียว
ชีวิตของ อกาเมนอน คือการยึดครอง
ทั้งสองคนได้ตกลงกันที่จะทำสงคราม เพื่อแย่งชิง เฮเลนกลับมา
อกาเมนอน ต้องการดินแดน TROY
ส่วนเมเนลัส ต้องการกู้ศักศรีของตน และชิงเฮเลนกลับมา
อกาเมนนอนไม่สนใจอะไร เขาเพียงต้องการเป็นกษัตยริที่ยิ่งใหญ่
มีอาณาจักรที่ไพศาล
เมือง TROY แห่งนี้มีกษัตริย์ เจ้าเมือง ชื่อ ไพรอัม
เป็นเมืองที่มีกำแพงใหญ่โต
และแข็งแรงมาก...ไม่เคยมีใครทำลาย และยึดครองได้เลย

และคนที่เป็นผู้นำทหารทั้งปวงแห่ง TROY ก็คือ "เฮคเตอร์" ผู้เป็นราชกุมารผู้พี่ของ ปารีส

เฮคเตอร์คือนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่ง TROY ทหารทุกคนเชื่อในฝีมือของเขา
เฮคเตอร์ไม่เคยพ่ายแพ้ในการศึก
ส่วน อกาเมนอนนั้น มีนักรบคนหนึ่งที่เก่งที่สุดในกรีก
ผู้ซึ่งเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของกรีก เป็นคนที่ทำให้อกาเมนอน ชนะสงครามทุกครั้ง
เขาคือ "อะคิลิส"
คนๆ นี้เกิดมาเพื่อทำศึกสงคราม
เขาต้องการเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปฐพี
อะคิลิส เป็นคนหยิ่งยะโส
เขารบเพื่อตัวเขาเอง เขาเพียงต้องการจารึกชื่อของเขาไว้ในโลกนี้ อะคิลิสไม่สนใจอกาเมนอน เลย เขาไม่ได้รบเพื่อ อกาเมนอน
อะคิลิส คือแม่ทัพ ผู้คุมทหาร กรีกทั้งปวง
ส่วนอกาเมนอน เป็นเพียงกษัตริย์ ที่คอยแต่ฉลองชัยชนะ
ชัยชนะที่ได้มาจากความสามารถของ "อคิลิส" อะคิลิสคนนี้ เป็นเหมือนคนที่ไร้หัวใจ ไร้ที่อยู่ เป็นคนกำพร้าพ่อ
แม่ของเขานำมาฝากให้อกาเมนอน
อะคิลิส ไม่มีความจงรักภักดีต่อสิ่งใด แม้แต่เทพอะพอลโล
อะคิลิสคิดว่า การทลายป้อมปราการแห่ง TROY และทำลายเมือง TROY
คือวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่
ที่จะทำให้ชื่อของเขากระฉ่อนไปทั่วแคว้น ถึงแม้เขาจะชนะภายใต้ร่มบารมีของ อกาเมนอน
แต่สุดท้ายมันจะนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ของตัวเขาเอง การสู้รบระหว่าง กรีก กับ ทรอย จึงเกิดขึ้น
ภายใต้ควันแห่ง ความกระหายดินแดน, เกียรติยศ ชื่อเสียง, พลังอำนาจ และความรัก
ความจริงนั้น เฮเลน กับ ปาริส รักกัน รักกันเมื่อ ปาริสไปเที่ยวยัง เมือง สปาตา
ไปพร้อมกับ เฮคเตอร์
ปารีส ผู้อ่อนเดียงสาในการรบ
เขาไม่เคย แม้แต่เห็นเลือดหลั่งไหล
เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ผู้อยากที่จะ "รัก" เหตุที่ เฮเลน ปันใจให้ ปารีส เพราะเธอไม่ชอบสงคราม
เฮเลน ชอบที่จะอยู่อย่างสงบ
แต่สามีของเธอ เอาแต่รบ เมเนลัส (สามีของเฮเลน) ผู้ซึ่งติดตามพี่ชาย (อกาเมนอน) ไปทุกที่เพื่อขยายอาณาจักรกรีก
เฮเลน กับ ปารีส แอบมีอะไรกันลับๆ ปารีส แอบซ่อนเฮเลนไว้ใต้ท้องเรือตอนกลับ TROY...โดยที่เฮคเตอร์ เองก็ไม่รู้เรื่อง
ปารีสเปิดเผยกับเฮคเตอร์ระหว่างล่องเรือกลับทรอย...
แล้วเฮเลนก็เดินออกมาจากท้องเรือ
เฮคเตอร์ถึงกับช็อค และโกรธ ปารีสอย่างที่สุด
เพราะเขารู้ดีว่า อะไรจะเกิดขึ้น
ตอนแรก เฮคเตอร์สั่งต้นหนให้เบนหัวเรือกลับกรีก
แต่เมื่อได้ยินทั้งสองคนบอกว่า เขารักกัน และเฮคเตอร์เองก็รักน้องชายของเขามาก
เห็นน้องชายรักสาวคนนึงอย่างจริงจัง (ถึงจะเป็นเมียคนอื่น) เฮคเตอร์ก็ยอมใจอ่อน
ถึงแม้เฮคเตอร์จะบ่นว่า ปารีส เพียงใด แต่ในใจเขาก็พร้อมที่จะรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
เฮคเตอร์เปลี่ยนใจไม่กลับ สปาตา แล้วสั่งลูกเรือให้ "ไปทรอย" ภายในหัวของเฮคเตอร์ คือ กองทัพกรีกนับแสนจะกรีทามาทางเรือ มุ่งหน้ามาที่ทรอย
สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ทรอยเคยกรำศึกมา กำลังจะเกิดขึ้น
สองพี่น้อง และเฮเลนกลับบ้าน พร้อมกับการต้อนรับอันอบอุ่นของประชาชนชาวทรอย
แต่เฮคเตอร์กลับกังวลกับสงครามที่จะเกิดขึ้น
เพราะเขาไม่อยากให้บ้านเมืองต้องมีศึกสงคราม
ถึงแม้เฮคเตอร์จะเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาเป็นคนรักสงบ
ถึงกระนั้นเขาไม่ได้แสดงอาการอะไรให้ใครระแคะระคายเลย แม้แต่เฮเลน
เฮเลน ผู้อยู่ในสถานะลำบาก
ใจนึงก็รักปารีส แต่อีกใจก็กังวลว่าเมเนลัสจะมาทำร้ายปารีส
เฮเลนเองก็ไม่อยากให้ใครต้องรบกัน
เพียงแต่ทุกอย่างมันเริ่มสายไปแล้ว
กองทัพของอกาเมนอน เมเนลัส และ อคิลิส ได้รวบรวมกำลังพลเท่าทีมีอยู่ เป็นไปได้ว่ามาทั้งประเทศ
เรือของอะคิลิสนำหน้ากองทัพกรีกทุกลำและขึ้นฝั่ง TROY เป็นลำแรก
เขาควบคุมเรือของเขามากับทหารคนสนิทประมาณ 30 คน เข้าประชิดชายหาดของทรอย
อย่างรวดเร็ว ดังสายฟ้าแลบ
ทิ้งกองทัพอีกนับแสนไว้เบื้องหลัง ห่างไปหลายไมล์
อะคิลิสทำเพื่อประกาศให้รู้ว่า เขาคือ อะคิลิส ผู้ที่จะพิชิตทรอย
เขาหยิ่ง และยะโสพอที่จะไม่สนใจกองทัพที่ตามหลังมาเต็มท้องทะเล
อะคิลิสวิ่งขึ้นหาด พร้อมกับทหาร
โดยไม่สนใจลูกศรอาบยาพิษ ที่ยิงใส่เหมือนดั่งห่าฝน
ทหารกรีกโบราณจะมีเกราะ และโล่อันใหญ่ไว้ป้องกันดาบ และลูกศร
ที่ชายหาดนั้นมีป้อมใหญ่อยู่ที่หนึ่ง มีทหารอยู่เป็นร้อย
แต่ทั้งหมดนั้นถูกอะคิลิสคนเดียว ฆ่าตายหมด อะคิลิสและพวก วิ่งขึ้นไปบนป้อมซึ่งมีรูปปั้นเทพอะพอลโล่
อะคิลิสตัดหัวเทพอะพอลโล่ทิ้ง โดยไม่ฟังคำคัดคานของสหายคนสนิท
ที่กรีก เขาเชื่อกันว่าเทพอะพอลโล่เป็นเทพที่ต้องเคารพ
เป็นเทพแห่งสงคราม (ไม่แน่ใจ)
แต่อะคิลิส ผู้ซึ่งไม่มีแม้แต่เทพในหัว เขาไม่เคารพใครทั้งนั้น
ข่าวการบุกของกรีกรู้ถึงเฮคเตอร์
เฮคเตอร์นำกำลังออกมาอย่างรวดเร็วประมาณ 100 กว่าคน
อะคิลิสซัดหอกใส่ทหารทรอย ที่กำลังควบม้ามาในระยะทางมากกว่า 100 เมตร
เป็นการทักทาย
แล้วเฮคเตอร์ก็นำทหารบุกขึ้นไปที่ป้อม ทหารของเฮคเตอร์ถูกทหารกรีกฆ่าตายหมดเลย โดนกับดักของ อะคิลิส
เหลือเพียงเฮคเตอร์คนเดียว
ครั้งนั้น เฮคเตอร์กับอะคิลิส ได้ประจัญหน้ากัน เฮคเตอร์สู้กับทหารกรีกสุดชีวิต และฆ่าทหารกรีกได้หลายคน
แต่อะคิลิสสั่งให้ทหารหยุด และบอกให้เฮคเตอร์กลับไปตั้งรับที่กำแพง รอการบุกของกรีก....
เพื่อจะได้ทำสงครามกันอย่างสมศักศรี...
เฮคเตอร์ตกลง และกลับไป อะคิลิสมีน้องชายเหมือนกัน
น้องชายของอะคิลิสก็มากับอะคิลิสด้วย
แต่เขาไม่ได้รบเก่งเหมือนพี่ชาย และอะคิลิสมักไม่ยอมให้น้องชายทำศึกด้วย เพราะเขาก็รักน้องชายเขา
กลัวน้องชายจะตาย
แต่น้องชายของเขา ก็ต้องการแสดงความเป็นนักรบเหมือนกับทหารคนอื่นๆ
เมื่อเฮคเตอร์กลับไปแล้ว ทหารกรีกเป็นแสนๆ ก็มาถึง
มาถึงฝั่งของกรุงทรอย... ทหารกรีกได้ยึดชายหาดแห่งนั้นเป็นที่มั่น
ชายหาดแห่งนั้นห่างจากกำแพงเมืองทรอยหลายกิโลเมตร
หลายวันถัดมา...ทหารกรีก และ ทรอย ได้ตกลงที่จะทำสงครามกัน
ทหารกรีกยกทัพมาประชิดที่กำแพงเมืองทรอย
ภายใต้การต้อนรับของทหารทรอย....ทั้งอยู่บนกำแพง และที่รออยู่หน้ากำแพงหลายหมื่น
ในสายวันนั้น อกาเมนอน, เมเนลัสได้ยกทัพไปที่ทรอย โดยไม่มีอะคิลิส
อะคิลิสไม่ใยดีต่อการกระทำของอกาเมนอน .. เขาไม่ต้องการให้อกาเมนอนมาบัญชาเขา เมเนลัสต้องการพบกับปารีส ผู้แย่งเมียเขาไป และต้องการประลองกับปารีส
เขาต้องการฆ่าปารีส เพื่อกู้ศักศรีของเขา
อกาเมนอนก็ยอม
ส่วนปารีส...ถึงแม้จะไม่เคยจับดาบเลย แต่ก็จำเป็นต้องทำ
โดยมีเฮคเตอร์แนะนำ
ทั้งปารีส และเมเนลัสสู้กัน
แต่เชิงของทั้งสองคนไม่สูสีกันเลยนะ
ปารีสกลัวจนทำอะไรไม่เป็น ได้แต่ป้องกันดาบของเมเนลัส
เมเนลัสก็ทำอะไรปารีสไม่ได้ เพราะโล่อันใหญ่มันบังคมดาบได้หมด
เฮเลนั่งดูอยู่บนเมืองทรอยพร้อมกับ ประชาชน และกษัตริย์จะอยู่บนเมือง และมองลงมาข้างล่าง
หลังกำแพงจะมีเมืองเป็นคล้ายปราสาทบนภูเขา
สุดท้ายปารีสเสียหลักล้มลง
และโดนเมเนลัสใช้ดาบเชือดที่ขา เลือดไหลเป็นทาง ปารีสตะเกียกตะกายหนี และไปจนถึงเฮคเตอร์ ผู้ยืนรออยู่พร้อมกับทหารอีกหลายหมื่นคนตรงกำแพง
เมเนลัส ตะโกนใส่เฮเลนว่า "นี่หรือผู้ที่เจ้ารัก ช่างขี้ขลาดนัก"
ส่วนปารีสไปกอดอยู่กับขาของเฮคเตอร์ผู้พี่....
เฮคเตอร์ไม่ได้พูดว่าอะไร
เมเนลัสเดินตามมาจนจะถึงตัวของ ปารีส
เมเนลัสบอกให้เฮคเตอร์ถอยห่างออกไป เพื่อจะได้ฆ่าปารีสได้
แต่เฮคเตอร์ไม่ยอม เฮคเตอร์บอกว่า "ไม่ได้ เขาเป็นน้องชายของข้า" เมเนลัสจึงจู่โจมหวังจะฆ่าปารีส
แต่โดนเฮกเตอร์ชักดาบ...สังหารเมเนลัสตายตรงนั้นเอง อกาเมนอนเห็นน้องชายถูกฆ่า...เขาไม่รอช้า รีบสั่งให้บุกทรอยทันที
ส่วนเฮคเตอร์รีบพาปารีสเข้าไปในเมือง
แล้วเฮคเตอร์มาบัญชาการรบด้วยตนเอง
ทหารทรอยยิงธนูลงมาจากกำแพงเป็นห่าฝน แค่ลูกธนูก็ฆ่าทหารกรีกได้หลายหมื่นคนแล้ว
พอทหารกรีกเจอกับทหารทรอยหน้ากำแพง
ทุกอย่างก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ทหารคนที่ตัวใหญ่ที่สุดของกรีก น่าจะสูงประมาณ 2.5 เมตรมั้ง อย่างกะยัก
สูงกว่าเฮคเตอร์ตั้งเยอะ ทั้งสองคนสู้กันตัวต่อตัว
ทหารกรีก แข็งแรงกว่าเฮคเตอร์จึงจับคอเฮคเตอร์ยกขึ้น
แต่เฮคเตอร์ยังอุตส่าใช้ดาบเสียบเข้าที่คอของทหารกรีก จนล้มลง นาทีนั้น ทหารของทรอยก็ฮึกเหิม แล้วตะโกนพร้อมกับโห่ร้อง ที่เฮคเตอร์เป็นฝ่ายชนะ
แล้วกรูเข้าใส่ทหารกรีก โดยไม่กลัวตาย จนทหารกรีกล่าถอย
เฮคเตอร์นี่เองที่วิ่งนำทหารทรอยทั้งหมด เพื่อตามไล่ฟันพวกกรีกตายเป็นเบือ อะคิลิสไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เขาแอบดูการรบอยู่บนภูเขา และเห็นภาพการสู้รบของเฮคเตอร์โดยตลอด อะคิลิสทั้งยิ้มเยาะอกาเมนอน และชมชอบในตัวเฮคเตอร์
อกาเมน่อนน่ะ หลบไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่ทหารทั้งสองกองทัพปะทะกันแล้ว
อากาเมนอนจะนั่งรถม้า...มีม้าลาก ปรากฎว่าทหารกรีกแตกทัพเข้าไปพักที่ที่ตั้งมั่น
แล้วเมืองทรอยก็ฉลองชัยชนะรอบแรก...
เฮคเตอร์วางแผนกับเหล่าทหารว่าจะยกทัพไปบุกค่ายทหารกรีกตั้งแต่เช้ามืด รุ่งขึ้น
เพื่อไม่ให้ทหารกรีกได้ตั้งตัว รุ่งขึ้น เฮคเตอร์มก็มา
ส่วนทหารกรีกกำลังหลับไหลอยู่ก็ต้องลุกขึ้นมา ...
แต่ตรงที่สู้รบกันนั้นเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่กี่ร้อยคน
และห่างจากจุดที่อะคิลิสพักอยู่มาก อะคิลิสจึงไม่รู้
ในเวลานั้น มันมืดสลัว
และที่สำคัญ...
ชุดเกราะของอะคิลิสโดนน้องชายของเขาใส่
น้องชายอะคิลิส...ทำตัวเหมือนอะคิลิส และบัญชาการรบด้วยตัวเอง
เขาต้องการแสดงความสามารถในเชิงรบบ้าง
เมื่อทหารกรีกเห็น ก็นึกว่าเป็นอะคิลิส...จึงพร้อมที่จะสู้
และวิ่งเข้าปะทะกับทหารแห่ง TROY
เฮคเตอร์เห็นชุดของอะคิลิสก็จำได้ทันที
น้องชายของอะคิลิสก็รู้ว่าเขาควรต้องสู้กับใคร
เฮคเตอร์ผู้ที่เก่งที่สุดแห่งทรอย ได้สู้กับน้องชายของอะคิลิส โดยคิดว่านั่น...เป็นอะคิลิส
ทหารทั้งหมดตีวงออก เพื่อดูแม่ทัพเข้าปะทะกัน (คนนึงเป็นแม่ทัพจริง อีกคนนึงไม่ใช่)
ไม่ถึงอึดใจ....น้องชายของอะคิลิสก็ถุกเฮคเตอร์สังหาร
เฮคเตอร์ได้เปิดหน้ากากออก ก็ตกใจเพราะนั่นไม่ใช่อะคิลิส พร้อมกับความตะลึงของทหารกรีก
ทหารกรีกทุกคนต่างเศร้า....เพราะน้องชายของอะคิลิสตายเสียแล้ว เฮคเตอร์จึงสั่งยุติการรบของเช้าวันนั้น และกลับไป เพื่อให้ทหารกรีกได้ทำพิธีเผาศพ
สหายของอะคิลิส นำความเข้าแจ้งอะคิลิส เรื่องการสู้รบในตอนเช้า
อะคิลิสบันดาลโทษะ ถึงกับจะฆ่าทหารคนสนิท
ใช้เท้าเหยียบหน้าของทหารคนสนิท...เขาโกรธมาก ถึงกับร้องไห้
พิธีเผาศพน้องชายของเขาถูกจัดขึ้น
การเผาศพตามพิธีของกรีก...คือผู้เป็นพี่น้องจะใช้เหรียนเงินวางบนตาทั้งสองข้างของผู้ตาย
แล้วจุดไฟเผา ก็เหมือนๆ กับของกรุงทรอย...แต่ของกรุงทรอยจะใช้เวลาถึง 12 วันในการทำพิธีศพ อะคิลิสแทบไม่ได้นอนเพราะโกรธที่เฮคเตอร์ฆ่าน้องชายของตัวเอง
ส่วนเฮคเตอร์ก็ยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขากลับไปหาเมีย และลูกอ่อน
เล่าให้เมียฟังว่า เขาพึ่งสังหารเด็กหนุ่มตายไปเมื่อเช้า
เฮคเตอร์พอจะคาดการณ์ได้ว่า อะคิลิสไม่ยอมแน่ๆ
เฮคเตอร์ได้เตรียมการหาทางหนีไว้ให้เมียของเขา กรุงทรอยจะมีทางลับสำหรับหนีด้วย เขาพาเมียไปที่นั่นในวันนั้น
วันต่อมา... อะคิลิสซึ่งเก็บความแค้นไว้เต็มพิกัดได้แอบออกจากที่พัก
ในตอนเช้าตรู่...
เพียงคนเดียว...โดยใช้รถม้า
เป้าหมายของเขาคือฆ่า เฮคเตอร์
อะคิลิสไปถึงกรุงทรอย....
เขาตะโกนชื่อ "เฮคเตอร์"
เฮคเตอร์ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนทั้งเมืองรู้ว่าอะคิลิสมาเพื่อสู้กับเฮคเตอร์
ในขณะนั้นเฮคเตอร์กำลังใส่เกราะ และแต่งตัวพร้อมกับล่ำราเมียรัก และลูกน้อย เฮเลน ปารีส และบิดา, มารดา
และกำชับให้เมียหนีไป หากทรอยสู้ไม่ได้
เมียและทุกคนที่ไปได้ เฮคเตอร์เดินออกมาจากกำแพงเมือง ประจัญหน้ากับอะคิลลิส
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง และเริ่มสู้กัน
เฮคเตอร์นั้นใช้ดาบ โล่, ส่วนอะคิลิสใช้หอก และโล่
ฉากการสู้รบนั้นเป็นไปอย่างสวยงาม มีศิลปะ ต่างคนต่างไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำ
เหมือนกับรู้ทางกันและกัน
แต่ท้ายที่สุดอะคิลิสเป็นฝ่ายรุกมากกว่า
จนเฮคเตอร์เพลี่ยงพล้ำ
อะคิลลิสใช้หอกแทกที่อกของเฮกเตอร์ตาย แล้วใช้รถม้าผูกขาเฮกเตอร์ขับลากไปยังที่มั่นตรงชายหาด
อะคิลิสเก่งมาก...เขาไม่เคยแพ้ และกระหายมากที่จะรบ
เขารบเพื่อตัวเอง เขาไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น
ส่วนเฮคเตอร์รบเพื่อมาตุภูมิ เฮคเตอร์มีลูกเมีย เขามีแต่ความกังวล ถึงเขาจะเก่งก็ตาม ผมจึงชอบเฮคเตอร์ด้วยเหตุผลนี้
เพราะเฮคเตอร์เป็นคนดี
กษัตริย์แห่งทรอย และเมียของเฮคเตอร์ได้แต่ร่ำไห้ มองดูอะคิลิสลากศพของเฮคเตอร์ไปจนสุดสายตา เมื่ออะคิลิสไปถึงค่ายทหารแล้ว ก็ไม่ได้สนใจกับสายตาของอกาเมนอน และทหารชาวกรีกที่มองดูเขาแม้แต่น้อย
เขานำศพของเฮคเตอร์ไปไว้ข้างเต๊นของเขา
เก็บไว้อย่างนั้นจนศพเน่าเหม็น
ไพรอัม...กษัตริย์แห่งทรอย ผู้เป็นพ่อของเฮคเตอร์โศกเศร้ามาก...
และถึงไพรอัมจะแก่ตัวมากแล้ว แต่ก็เป็นคนใจเด็ดคนหนึ่ง
ไพรอัมได้ปลอมตัวเป็นทหารกรีก เขามาค่ายทหารกรีกตอนกลางคืน
เพียงคนเดียว
เขามาเพื่อจะขอศพของลูกชายต่ออะคิลิส
แกบอกว่า "ถึงเราจะเป็นศรัตรูกัน แต่เราก็แสดงน้ำใจต่อกันได้"
อะคิลลิสถึงแม้ยังแค้นอยู่...และยังเสียใจกับน้องชายที่เสียไป ได้รับรู้ความสูญเสียและความเศร้าโศกของกษัตร์ย์ทรอย ที่เสียลูกชายไปเหมือนกัน
และที่สำคัญอะคิลิส นับถือในความกล้าหาญของไพรอัม
อะคิลิสแอบไปร้องไห้ อยู่ครู่หนึ่ง
จึงตกลงมอบศพเฮคเตอร์ให้กับไพรอัมเพื่อไปทำพิธีที่กรุงทรอย
และสัญญาว่า ใน 12 วันนี้จะไม่บุกทรอย ช่วงเวลา 12 วัน
มีทหารกรีกคนหนึ่งผู้เป็นเสมือนมันสมองของอกาเมนอน ได้ออกอุบายที่จะหาวิธีบุกทรอย
แต่ไม่ใช่ด้วยกำลัง
แต่ด้วยกลอุบาย เขาออกอุบายให้ทหารกรีกทั้งหมดทำเอาสีขาวมาทาตามร่างกาย และนอนให้เกลื่อนกลาดตามชายหาด
ทำเหมือนเกิดโรคระบาด แล้วอพยพ ทั้งทหาร, เรือไปซ่อนไว้ที่ชายฝั่งใกล้ๆกัน
พร้อมกับส่งทหารไปยอมแพ้ที่กรุงทรอย และนำสาส์นไปให้กับกษัตริย์แห่งทรอย
กรุงทรอยได้ส่งพวกนักบวช
และทหารบางส่วนมาดูที่ชายหาด ก็พบเพียงม้าไม้สูงเท่าตึก 5 ชั้นแน่ะ
นักบวชเห็นว่า ที่เกิดโรคระบาดเพราะ อะคิลิสตัวหัวเทพอะพอลโล่
จึงเกิดอาเภท
และคิดว่าม้าไม้นั้นทหารกรีกทำขึ้นเพื่อบูชาเทพ เป็นการไถ่โทษ
ก่อนที่ทหารกรีกจะกลับไป จึงคิดว่าม้าไม้นั้นเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ ชองกรุงทรอย
จึงได้ลากม้าไม้เข้ามาไว้ในเมืองทรอย...เข้ามาในกำแพงเมืองและจอดไว้กลางเมือง

เพื่อฉลองชัยชนะกัน
ชาวเมืองทรอยต่างดีใจ ไชโยโห่ร้องในชัยชนะที่ได้รับ และคิดว่าม้านั่นเป็นสิ่งมงคลคู่บ้านเมือง ตกกลางคืน ทุกคนหลับกันหมด นอนตามข้างทางบ้าง ตามถนน ตามบรรได ตามอาคาร
ม้าไม้นี้ตรงช่วงลำตัวทำไว้เป็นห้องขนาดใหญ่ มีอาหาร ห้องนอน ที่พัก
เป็นโพรง และมีทหารเก่งอยู่ข้างในประมาณ 10 คน
พอตกดึก
ทหารเหล่านี้ก็ออกมา ร้อยตัวลงมาตามเชือก
รวมทั้งอะคิลิส
ทหารเหล่านี้วิ่งไปเปิดประตูเมืองทรอย บางส่วนวิ่งไปฆ่าชาวเมืองที่กำลังหลับไหลอยู่ เมื่อประตูเมืองทรอยถูกเปิดออก
ทหารกรีกที่รออยู่ข้างนอก หลายหมื่นคนก็กรูกันเข้ามา
ในเมืองทรอยเต็มไปด้วยความโกลาหล ทหารกรีกฆ่าทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก
กษัตริย์ของทรอยก็ถูกฆ่าด้วย
โดยอกาเมนอนเป็นคนฆ่าเอง
ทหารกรีก เผาเมืองทรอยราบคาบ ส่วนเฮเลน, เมียของเฮคเตอร์ พร้อมด้วยชาวเมืองส่วนหนึ่งหนีไปทัน
แต่ปารีส...ซึ่งช่วงที่อยู่ในเมืองนั้น
เขาได้ฝึกซ้อมใช้ธนู
จนเก่งกาจ
ปารีสวิ่งออกมาเพื่อซุ่มยิ่งทหารกรีกตายไปหลายคน และจังหวะหนึ่งเขาพบกับอะคิลิส...กำลังสู้รบอยู่
จึงใช้ธนูยิงอะคิลิส โดนตรงขา
แต่ลูกธนูพวกนี้อาบยาพิษ (ทำด้วยเห็ดพิษ)
บางทีก็ทำจากกบพิษ ทำให้อะคิลิสวิ่งไม่ออก
อะคิลิสพยายามขว้างดาบเข้าใส่ปารีส
แต่ก็ถูกยิงซ้ำที่หน้าอก....จนตายอยู่ตรงนั้น
ปารีสละทิ้งเมืองของตัวเองแล้วหลบหนีไปพร้อมกับเฮเลน, เมียของเฮคเตอร์
ทหารของทรอยและกรีกสู้รบกันเอง...
อกาเมนอนโดนลูกสาวของกษัตริย์เมืองทรอย (ชื่ออะไรจำไม่ได้) เป็นน้องสาวของปารีส
เธอรักษาพรหมจรรย์ คนนี้เป็นคนฆ่าอกาเมนอน
ด้วยมีดสั้น
สาวพรหมจรรย์คนนี้อยู่ในป้อม...ตอนที่อะคิลิสบุกมาตอนแรก
จำพรรษาอยู่ที่นั่น แต่สุดท้ายอะคิลิสจับตัวมา
และกลายเป็นเมียของอะคิลิส
โดยที่นางก็ไม่ได้ยินยอม
นางเกลียดอะคิลิสเข้าใส้ในตอนที่โดนจับตัวไป เธอหนีไปได้พร้อมกับปารีส
สุดท้ายสงครามครั้งนี้ไม่มีใครได้อะไรเลย...มีแต่การสูญเสีย
อกาเมนนอนก็ตาย ไม่ได้อาณาจักร แต่อคิลลิสได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่เก่งมากของกรีก
เฮคเตอร์ก็เช่นกัน
และม้าโทรจันก็มีที่มาจากมหากาพย์เรื่องนี้
วิจารณ์...
เรื่องของ TROY เป็นตำนานของ "สงคราม","ความรัก","ศักดิ์ศรี" รวมทั้งกลศึกที่เลื่องลือโดยเฉพาะม้าโทรจัน หรือม้าเมืองทรอย ได้กลายเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรบ การหาข่าว การแทรกแซง การจัดการองค์กร แม้แต่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็ได้ใช้ม้าโทรจันในการโจรกรรมข้อมูล วิธีการของม้าโทรจันเป็นเรื่องคลาสสิคเพราะมาจากตำนาน


ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องสงคราม แต่ตำนานเรื่อง TROY ยังให้แง่คิดดีๆ ในเรื่องของสงครามซึ่งเป็นเหตุแห่งการสูญเสียทั้งปวง แต่นั่นยังไม่เท่ากับสาเหตุแห่งสงครามที่เกิดขึ้นจากเพียงแค่ "กิเลส ตัณหา" เท่านั้นเอง"

Link :

Saturday, October 14, 2006

ดาบอยู่ในหัวใจ

(แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Hero)
คนคือดาบ ดาบคือคน
วางดาบลงเลิกเข่นฆ่า
จับปากกา มาสร้างงานเขียน
ปล่อยวาง
ดาบคือความแค้น งานเขียนคือความสงบ
เมื่อสงบก็ไม่อยากอาฆาตพยาบาทไม่ต้องการสิ่งใด
ดาบในหัวใจก็เปลี่ยนเป็นพลัง
ความแค้นถูกเปลี่ยนเป็นพลังใจ
หลับตาและมองเห็นตัวเองผ่านความมืด
ละทิ้งตัวตนที่อยู่ในตนเอง
พิจารณาถึงแก่นแท้ของชีวิต
ชีวิตที่แท้แล้วไม่มีอะไร
เป็นเพียงธุลี และอากาศ
ไม่ใช่ของเรา
เมื่อจิตสงบ ก็มีปัญญา และล่วงรู้

Sunday, October 08, 2006

PH Soccer Leauge 2006 : หฤโหดหินงานแข่งฟุตบอล...

(นำมาจากเว็บบอร์ด phkku.com หลังจากแข่งฟุตบอลประเพณีของคณะ นับว่าเหนื่อยที่สุดแล้ว... )

เหนื่อยสุดๆ กับงานการแข่งฟุตบอล PH Soccer Leauge วันที่ 26-27 สิงหาคม ที่ผ่านไป เพราะต้องแข่งกันท่ามกลางสายฝน และสภาพสนามที่เละเทะ งานนี้ "บัณฑิตโชว์" ถึงแม้สมาชิกจะมาน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ทุกคนก็สู้สุดฤทธิ์จนสามารถเข้าสู่รอบสองได้ แต่กำลังวังชาหายหมดแล้ว แข่งเสร็จแต่ละคนคงสลบไสลไปตามๆ กัน ถึงวันนี้อากาศปวดเมื่อยยังไม่หายเลยครับพี่น้องเอ๋ย.



เริ่มนัดแรกสามารถตีเสมอกับน้อง ปี 4 ได้ 2-2 จากนั้นฝนก็กระหน่ำไม่ยั้ง พอฝนซาพวกเราก็แข่งอีกครั้งกับทีม "จบเสย ยูไนเต็ด" ที่มีดีกรีแชมป์เก่าน้องทีมนี้ฝีเท้าจัดจริงๆ พับผ่า บัณฑิตโชว์แพ้ไป (สกอร์จำไม่ได้ ใครช่วยอัพเดทให้ที) หลังจากนั้นพักได้ราวๆ 15-20 นาที แข่งกับ "สบ." ปรากฎว่าบัณฑิตโชว์
สามารถเอาชนะไปได้ 3-0 แมทซ์นี้ "น้องแกะ PH 17" โชว์ฟอร์มสด เซฟได้หลายลูกด้วยกันจากลูกยิงไกลน่าจะได้เป็น man of the match หลังจากนั้นดูเหมือนฝนจะเทลงมาอีก ทุกคนดูเหมือนจะร่อแร่ หายใจรวยริน แต่ได้รับการกระตุ้นและให้กำลังใจจาก "พี่กาญจน์ PH 12" play maker คนเก่งและอาวุโสที่สุดของทีม ทำให้พอมีแรงเดินลุยโคลนในสนามได้อีกนัด ซึ่งนัดสุดท้ายนี้พบกับทีมน้อง ปี 2 ซึ่งพึ่งแข่งเสร็จไปไม่นาน ทำให้สถานการณ์พอฟัดพอเหวี่ยง นัดนี้บัณฑิตโชว์เอาชนะไปได้อย่างหวุดหวิด 4-3 งานนี้ต้องชม "หมวดปีเตอร์" เพราะลุยตลอดตั้งแต่นัดแรกจนนัดสุดท้าย ทำเอาสนามฟุตบอลโรงเรียนสาธิตกระจุยกระจาย สงสัยต้องซ่อมเป็นเดือน หุๆ



มีหลายประตูที่บัณฑิตโชว์ทำได้ และมีลูกสวยๆ เยอะมากเลยคนโพสก็จำไม่ค่อยได้ เพราะอยู่ในสนามมันเบลอๆ ขนาดนัดสุดท้ายแข่งชนะยังไม่รู้ตัวเลย เท่าที่จำได้ก็มีลูกโหม่งสวยๆ ของปีเตอร์, ลูกล็อคลอดขาแล้วยิงเข้าของปีเตอร์ (ความจริงหมวดปีเตอร์ยิงหลายลูกมาก...ใครจำได้ช่วยบอกต่อที), นอกจากนั้นก็มีลูกคาร์บอมของแอนดรูที่เตะโด่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม, ลูกจังหวะสองของเจี๊ยบ PH 17 และลูกบะหมี่ขลุกขลิกของอ้อย PH 17 play maker ร่างเล็กของเรา

น่าเสียดายที่ผู้รักษาประตูตัวจริงคือ "พี่ฐา PH 13" งานนี้เจ็บ เนื่องจากโดนถอด (เขี้ยว) เล็บจึงเล่นได้เพียงนัดเดียว ส่วน "ต้น PH 17" ก็โดนเหยียบนิ้วเท้าจนอาจต้องโดนถอนเล็บไปอีกคน (จริงๆแล้วไม่โดนถอนเขี้ยวเล็บก็ไม่มีพิษสง (กับอิสตรี) อะไรอยู่แล้วล่ะ...หุๆ --- หากเข้าใจผิดช่วยแก้ข่าวด้วยนะน้อง...) นอกจากนั้น PH 14 ซึ่งนอกจากโจ้แล้ว ยังมีสุริยัญ พ่อลูกสอง สั่งตรงจากกาฬสินธุ์ ก็มาร่วมลุยโคลนด้วยกันด้วย สงสัยกลับไปถึงกาฬสินธุ์แล้วต้องให้เมียนวดไปหลายวัน ฮิๆ งานนี้ขาด ฟา, เสก, ไข่ ดูเหมือนจะติดภาระกิจ

สรุปแล้วปีนี้บัณฑิตโชว์ โชว์ฟอร์มได้เกินคาด แต่ก็เหนื่อยแบบสุดๆเหมือนกัน จนไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงตอนเย็นได้ ยังไงๆ ต้องฝากขอโทษน้องๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้องสโมสรที่เตรียมอาหารไว้, น้องชุม, น้องอ๋า, และอีกหลายคน เนื่องจากยอมรับว่าไม่ไหวจริงๆ สงสัยจะเป็นเพราะสังขารมันถึงขีดสุด แต่ใจมันยังอยากอยู่นะ เอาไว้โอกาสหน้านะครับน้องๆ โอกาสที่ไม่เหนื่อยเกินไป อืม....คงพอจะมี และจะรอวันนั้น

งานนี้ต้องขอชมสปิริตทุกคน โดยเฉพาะพี่กาญจน์อยู่ร่วมกับน้องๆ จนเสร็จงาน น้องๆพี่ๆที่เดินทางมาไกล ยอมรับว่าปีนี้โหดหิน แต่ก็ได้ใจไปครองครับผม
อ้อ...น้อง ๆ "ทีละแบน" ชุม, อ๋า, นภ, ดำ เรายังติดค้างกันอยู่นะ บังเอิญฝนฟ้า เวลา ไม่เป็นใจเฉยๆ หรอก ไม่อย่างนั้นเราคงได้ปะทะแข้งกันสนุกแน่ ทีแรกว่าจะเป่ายิ้งฉุบก็กระไรอยู่ พี่ยังไม่ลืมนะ ตอนท้ายน้องชุม PH 16 ยังมาแลกเสื้อกับโจ้ PH 14 อยู่ จะให้ดีเราต้องมีโอกาสแข่งกันซิน่า... โอกาสหน้าเราคงได้ร่วมลุยกันอีกครับ ฉบับนี้ขอพอแค่นี้ก่อน อัดอั้นมา 3 วันแล้ว เนื่องจากพึ่งฟื้นจากหลับไหล ถ้าอ่านจนเหนื่อยก็ขออภัย ยังไงบัณฑิตทั้งหลายช่วยส่งข่าวต่อที เจี๊ยบ, แอนดรู ถ้ามีภาพก็ช่วยเอามาโชว์ด้วยนะ จะได้เห็นภาพกีฬามันๆ ด้วยนะ