เคยช่วยพ่อแม่, ญาติ ทำนามาตั้งแต่ยังเล็ก จนเมื่อเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย และมีงานทำจึงไม่ค่อยมีเวลาช่วยทางบ้านเท่าไรนัก แต่จะกลับบ้านประจำช่วงฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อช่วยทางบ้านเกี่ยวข้าว ช่วยสีข้าว ซึ่งปัจจุบันใช้เครื่องจักรแทบจะทั้งหมด และเป็นความภูมิใจเล็กๆที่ได้มีโอกาสช่วยแบ่งเบาภาระของทางบ้าน แม้จะไม่มากมายก็ตาม
ได้สังเกตุเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของการทำนามาหลายประการ เนื่องจากทางบ้านอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานที่แห้งแล้ง การทำนาต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก แต่ในขณะเดียวกันสำหรับที่นาที่มีหนองน้ำ หรือฝายบางแห่ง มีการบริหารจัดการน้ำที่ไม่เหมาะสม เช่น หนองน้ำในทุ่งนามีขนาดเล็กไป จุน้ำได้น้อย และพอถึงหน้าแล้งมักไม่มีน้ำเหลืออยู่เพื่อใช้ประโยชน์ และบางแห่งที่นามีฝายที่สามารถเก็บน้ำได้ทั้งปีก็ประสบปัญหาในช่วงเก็บเกี่ยว เนื่องจากมีน้ำมากเกินไป ผลผลิตที่ได้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และน้ำเป็นสำคัญ นอกจากนั้นในหลายๆพื้นที่ยังมีการใช้สารเคมีกำจัดปู และหญ้า ทั้งๆที่เมื่อหลังเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วชาวบ้านยังไปขุดปูจากทุ่งนามาทำอาหาร จึงเป็นที่น่าเป็นห่วงถึงสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน ได้เตือนพ่อแม่ และชาวบ้านคนอื่นให้เลิกใช้สารเคมีดังกล่าวมาตลอด
การทำนาที่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งๆที่ชาวบ้านสามารถทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองได้ แต่มักจะละเลยเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เรื่องค่าแรงที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยชักนำให้บางครอบครัวพยายามลดต้นทุนในการจ้างรถไถ (โดยการซื้อรถไถใช้เอง) ซึ่งยังเป็นปัญหาว่าไม่ทราบว่าไหร่จะคืนทุน การจ้างรถเกี่ยวข้าว แม้จะทำให้การเก็บเกี่ยวเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ก็เพิ่มภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ยังมองว่าสังคมเกษตรกรรมสมัยใหม่นี้เดินทางมาไกลเกิน จนลืมถึงสังคมแบบเก่าที่ชาวบ้านช่วยกันทำนา ลงแขก หาข้าวมากินร่วมกัน แต่มันคงกลับไปลำบาก
ทุกคนที่มีปัญญาความรู้ ควรแบ่งปันให้กับคนรอบข้าง รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์เพื่อช่วยกระตุ้นสังคมส่วนใหญ่ให้เห็นความสำคัญของปัญหาในทำนาและหาทางออกร่วมกัน ให้มีการพัฒนานวัฒกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำนาง่ายขึ้น และได้ผลผลิตดีขึ้น มีทางเลือกมากขึ้น และควรเป็นเทคโนโลยีที่ประหยัดและยั่งยืน ชาวบ้านทำเองได้ แล้วให้ทานทางปัญญาแก่สังคมส่วนรวม
No comments:
Post a Comment